Page 19 - องค์การและการจัดการและการจัดการทรัพยากรมนุษย์
P. 19

ทฤษฎีอ​ งค์การ​และก​ ารจ​ ัดการ 2-17

เรื่องท​ ี่ 2.1.3
แนวคิดก​ าร​จัด​องคก์ าร​แบบ​ระบบ​ราชการ

ผลง​ า​นขอ​ งเ​วเ​บอร์ (1864 - 1920)

       แมก​ซ์ เวเ​บอร์ (Max Weber) เป็น​นัก​สังคมวิทยาช​ าว​เยอรมนี​ที่​ได้​ให้ค​ วาม​สนใจเ​กี่ยวก​ ับป​ ัญหาข​ อง​การ​จัด​
องค์การ​อย่าง​มาก ผลง​ าน​ ข​องเ​ว​เบอร์​ซึ่งต​ ี​พิมพ์ใ​นเ​ยอรมนี​ใน ค.ศ. 1921 นั้น ไม่เ​ป็น​ที่​รู้จัก​ของ​นักท​ ฤษฎี​องค์การ​ใน​
อเมริกาจ​ น​กระทั่ง ค.ศ. 1947 ที่ไ​ด้ม​ ีก​ ารแ​ ปล​เป็น​ภาษา​อังกฤษ​และต​ ี​พิมพ์​ในอ​ เมริกา ผล​งาน​ของ​เขา​ส่วนม​ าก​จะเ​น้น​
มากใ​นเ​รื่องเ​กี่ยวก​ ับก​ ารอ​ อกแบบโ​ครงสร้างแ​ ละก​ ารบ​ ริหารอ​ งค์การเ​พื่อใ​ห้เ​กิดป​ ระสิทธิภาพส​ ูงสุด ผลง​ าน​ ขอ​ งเ​วเบอร์​
ในส​ ว่ นท​ เี​่ กีย่ วก​ บั ก​ ารจ​ ดั โ​ครงสรา้ งอ​ งคก์ าร ภาวะข​ องผ​ ูน้ ำใ​นอ​ งคก์ าร และก​ ารบ​ รหิ ารต​ ามห​ ลกั ข​ องค​ วามส​ มเ​หตส​ุ มผลน​ ​ี้
รวมก​ นั ไ​ดเ้​ปน็ ภ​ าพข​ องอ​ งคก์ ารท​ เี​่ รียกว​ า่ ระบบร​ าชการ (bureaucracy) อันเ​ป็นอ​ งคก์ ารใ​นอ​ ดุ มค​ ตขิ​ องเ​วเ​บอร์ องคก์ าร​
ระบบ​ราชการ​ตาม​อุดม​คติ​ของ​เว​เบอร์​นี้​ไม่​ได้​หมาย​ถึง​ระบบ​เช้า​ชาม​เย็น​ชาม​หรือ​ระบบ​ที่​ไม่มี​ประสิทธิภาพ​ซึ่ง​มัก​จะ​
ขนานนาม​ให้​กับ​ระบบ​ราชการ​ของ​เรา​ใน​ปัจจุบัน แต่​ระบบ​ราชการ​ตาม​อุดม​คติ​ของ​เว​เบอร์​เป็น​โครงสร้าง​ซึ่ง​เขา​เชื่อ​ว่า​
จะ​ใช้ได้อ​ ย่าง​มี​ประสิทธิภาพ​ที่สุด โดย​เฉพาะ​กับ​องค์การท​ ี่​มี​ขนาดใ​หญ่​และม​ ี​ความ​ซับซ​ ้อน​ของง​ านม​ าก องค์​ประกอบ​
ของ​ระบบร​ าชก​ าร​ของเ​ว​เบอร์ พอส​ รุปไ​ด้​ดังนี้15

       1. 	จะ​ต้อง​มี​การก​ ำหนดห​ น้าที่​แยก​จาก​กันต​ าม​ความช​ ำนาญเ​ฉพาะด​ ้าน โดยจ​ ะ​มี​การก​ ำหนด​ขอบเขตข​ องง​ าน​
แต่ละ​งาน​อย่าง​ชัดเจน​และ​กำหนดอ​ ำนาจห​ น้าที่​เพื่อ​ที่​จะ​ปฏิบัติ​งาน​นั้น​ได้​ลุล่วง ดัง​นั้น หลัก​การ​เกี่ยว​กับ​การ​แบ่ง​งาน​
จึง​เป็น​องค์​ประกอบส​ ำคัญ​ของร​ ะบบ​ราชการ

       2. 	จะต​ อ้ งม​ ก​ี ารก​ ำหนดส​ ายก​ ารบ​ งั คบั บ​ ญั ชาอ​ ยา่ งเ​ปน็ ท​ างการ ในส​ ายก​ ารบ​ งั คบั บ​ ญั ชาซ​ ึง่ ก​ ำหนดข​ ึน้ ใ​นอ​ งคก์ าร​
นี้​จะ​แสดง​การ​แบ่ง​ระดับ​ของ​อำนาจ​หน้าที่​ลด​หลั่น​จาก​เบื้อง​บน​ลง​สู่​เบื้อง​ล่าง ผู้​ที่​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่​ต่ำ​กว่า​จะ​รับคำ​สั่ง​
จาก​ผู้​ที่​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​สูง​กว่า อย่างไร​ก็​ดี​อำนาจ​หน้าที่​ดัง​กล่าว​จะ​ใช้ได้​เฉพาะ​เมื่อ​ปฏิบัติ​งาน​ใน​ตำแหน่ง​หน้าที่​ต่างๆ
เท่านั้น ถ้า​นอก​เวลา​การ​ปฏิบัติ​งาน​ของ​องค์การ​แล้ว บุคคล​จะ​มี​อิสระ​และ​ไม่​ต้อง​ปฏิบัติ​ตน​ตาม​สาย​การ​บังคับ​บัญชา​
ของ​องค์การ

       3. 	ผู้​ที่​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​หน้าที่​ต่างๆ จะ​ถือ​เป็น​พนักงาน​คน​หนึ่ง​เท่าน้ัน กล่าว​คือ สิทธิ​ใน​การ​ที่​จะ​บริหาร​หรือ​
ปฏิบัติห​ น้าที่จ​ ะ​ถูก​กำหนดใ​ห้ไ​ว้​กับต​ ำแหน่งไ​ม่ใช่ก​ ำหนดใ​ห้ก​ ับผ​ ู้ท​ ี่อ​ ยู่​ใน​ตำแหน่ง ดัง​นั้น จึงไ​ม่มี​หนทางท​ ี่บ​ ุคคล​อื่นใ​ด​
แม้ก​ ระทั่ง​ผู้​ที่​เป็นเ​จ้าของจ​ ะ​ได้​รับ​สิทธิท​ ี่ก​ ำหนด​ไว้​ตามต​ ำแหน่ง ยกเว้นแ​ ต่จ​ ะ​เป็น​ผู้​ปฏิบัติห​ น้าที่อ​ ยู่​ในต​ ำแหน่งน​ ั้น

       4. 	การ​คัด​เลือก​บุคคล​เข้า​ทำงาน​และ​การ​เลื่อน​ตำแหน่ง​ให้​สูง​ข้ึน จะ​ต้อง​อาศัย​หลัก​ของ​ความ​สามารถ​ซึ่ง​วัด​
ได้​จาก​ผล​การ​ปฏิบัติ​งาน​ใน​ตำแหน่ง​หรือ​จาก​การ​ได้​รับ​การ​ฝึก​อบรม และ​จะ​ไม่มี​การ​ให้​ออก​จาก​งาน​อย่าง​ไม่มี​หลัก​มี​
เกณฑ์

       5. 	จะต​ อ้ งม​ ก​ี ารก​ ำหนดก​ ฎแ​ ละร​ ะเบยี บต​ า่ งๆ อยา่ งช​ ดั แ​ จง้ กฎแ​ ละร​ ะเบียบน​ ี้จ​ ะท​ ำให้เ​กิดก​ ารป​ ฏิบัติง​ านท​ ี่เ​ป็น​
มาตรฐาน เกิด​ความ​เป็น​ธรรม และ​ทำให้​สมาชิก​ของ​องค์การ​อยู่​ใน​ระเบียบ​วินัย และ​การ​ดำเนิน​การ​ของ​องค์การ​เป็น
​ไปไ​ด้อ​ ย่าง​ต่อ​เนื่อง

       6. 	ในก​ ารป​ ฏบิ ตั ง​ิ านต​ า่ งๆ นน้ั จ​ ะต​ อ้ งไ​ มอ​่ งิ ค​ วามส​ มั พนั ธส​์ ว่ นบ​ คุ คล กล่าวค​ ือ ไม่ว​ ่าจ​ ะเ​ป็นการต​ ิดต่อร​ ะหว่าง​
ผู้บ​ ังคับบ​ ัญชาก​ ับผ​ ู้ใ​ตบ้​ ังคับบ​ ัญชา หรือก​ ารต​ ิดต่อร​ ะหว่างเ​พื่อนใ​นห​ น่วยง​ าน​ อื่นๆ ในอ​ งค์การเ​ดียวกัน หรือก​ ารต​ ิดต่อ​
ระหว่าง​องค์การ​กับ​ลูกค้า จะ​ต้อง​เป็นการ​ติดต่อ​ที่​ไม่​อิง​ความ​สัมพันธ์​ส่วน​บุคคล โดย​จะ​ต้อง​ทำการ​ติดต่อ​อย่าง​เป็น​
ทางการ​ซึ่ง​มีร​ ะเบียบ​ควบคุมเ​พื่อจ​ ะ​ได้ม​ ี​การ​บันทึกเ​ป็น​หลัก​ฐานไ​ว้ต​ รวจส​ อบ​และ​ติดตามไ​ด้

ลขิ สทิ ธิข์ องมหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24