Page 31 - องค์การและการจัดการและการจัดการทรัพยากรมนุษย์
P. 31

ทฤษฎี​องค์การ​และก​ ารจ​ ัดการ 2-29

ผูว้​ ิจัยเ​กิดค​ วามส​ งสัยว​ ่าอ​ าจจ​ ะม​ ตี​ ัวแ​ ปร​ อื่นๆ นอกจากร​ ะดับข​ องแ​ สงส​ ว่างใ​นห​ ้องท​ ดลอง ซึ่งเ​ป็นต​ ัวแปรท​ ีม่​ อี​ ิทธิพลต​ ่อ​
การป​ ฏิบัตงิ​ านข​ องก​ ลุ่มพ​ นักงานห​ ญิงก​ ลุ่มน​ ั้น ผลก​ ารว​ ิจัยท​ ีอ่​ อกม​ าน​ ีท้​ ำใหเ้​กิดม​ คี​ วามส​ นใจท​ ีจ่​ ะท​ ำการว​ ิจัยก​ ันต​ ่อๆ ไป​
เพื่อ​ค้นหา​ตัวแปร​ซึ่งม​ ีอ​ ิทธิพลท​ ำให้ผ​ ลผลิตเ​พิ่ม​สูงข​ ึ้น

การว​ จิ ยั ​ระยะท​ ี่​สอง

       ระยะ​ที่ส​ องน​ ี้ผ​ ู้ว​ ิจัยไ​ด้พ​ ยายาม​ที่จ​ ะท​ ดสอบ​ผลก​ระ​ทบข​ อง​ตัวแปรต​ ่างๆ อาทิ ตัวแปรเ​กี่ยว​กับช​ ่วงร​ ะยะ​เวลา​
สำหรับก​ ารพ​ ักผ​ ่อนแ​ ละว​ ิธกี​ ารจ​ ่ายค​ ่าต​ อบแทนว​ ่าจ​ ะม​ ผี​ ลกร​ ะท​ บต​ ่อผ​ ลผลิตด​ ้วยห​ รือไ​ม่ โดยไ​ดท้​ ดลองก​ ับก​ ลุ่มค​ นง​ าน​
ผู้ห​ ญิงจ​ ำนวน 6 คนในห​ ้องท​ ดลองซ​ ึ่งเ​ป็นห​ ้องส​ ำหรับป​ ระกอบเ​ครื่องถ​ ่ายทอดค​ ลื่นวิทยุ  ผลจ​ ากก​ ารว​ ิจัยท​ ี่ไ​ด้ใ​นค​ รั้งน​ ี​้
ปรากฏอ​ อกม​ าเ​หมือนก​ ับค​ รั้งแ​ รก กล่าวค​ ือ ผลผลิตข​ องค​ นง​ านม​ ีล​ ักษณะท​ ี่เ​ป็นอ​ ิสระจ​ ากต​ ัวแปรต​ ่างๆ ที่ผ​ ู้ว​ ิจัยท​ ำการ​
เปลี่ยนแปลง เช่น ไม่ว​ ่าจ​ ะม​ ีก​ ารเ​ปลี่ยนแปลงช​ ่วงร​ ะยะเ​วลาก​ ารพ​ ักผ​ ่อนใ​ห้ย​ าวข​ ึ้นห​ รือส​ ั้นล​ งอ​ ย่างไรผ​ ลผลิตย​ ังค​ งเ​พิ่ม​
ในร​ ะดับท​ ี่ส​ ูงข​ ึ้น ในก​ ารว​ ิจัยค​ รั้งน​ ี้ผ​ ู้ว​ ิจัยไ​ด้ม​ ีโ​อกาสส​ อบถามผ​ ูท้​ ีเ่​ข้าร​ ับก​ ารท​ ดสอบเ​กี่ยวก​ ับเ​หตุผลท​ ีท่​ ำใหพ้​ วกเ​ขาเ​หล่า​
นั้น​ทำงาน​หนักม​ าก ปรากฏ​เป็นเ​หตุผล​ซึ่งส​ ามารถ​ประเมิน​และจ​ ัด​ลำดับ​ความส​ ำคัญ​ได้​ดังต​ ่อ​ไปน​ ี้

       1. การท​ ำงาน​เป็นก​ลุ่ม​ขนาด​เล็ก
       2. ประเภท​ของ​การ​ควบคุม​ดูแลโ​ดย​หัวหน้า​งาน
       3. ผล​ตอบแทน​ที่​ได้​รับ	
       4. ความ​แปลกใ​หม่​ของส​ ถานการณ์
       5. ความ​สนใจ​เกี่ยวก​ ับ​การท​ ดลอง
       6. การไ​ด้ร​ ับ​ความส​ นใจ​ของค​ น​งานใ​น​ห้อง​ทดลอง
       เป็น​ที่​น่า​สังเกต​ว่า​เหตุผล 3 ประการ​หลัง​นี้​เป็น​ที่​รู้จัก​และ​เรียก​กัน​ต่อ​มา​ว่า Hawthorne Effect   ซึ่ง​เป็น​
ปัจจัย​ที่​ทำให้ค​ นท​ ำงาน​หนัก​ขึ้น​เพียง​เพราะส​ าเหตุ​จาก​การ​ได้ร​ ับค​ วาม​สนใจ  และจ​ ากก​ ารท​ ี่​ได้​พบปะ​กับ​สถานการณ์ท​ ี​่
แปลกใ​หมเ่​ท่านั้น  การท​ ดลองใ​นค​ รั้งน​ ีไ้​ดม้​ กี​ ารค​ ้นพ​ บว​ ่าค​ ตฐิ​ านเ​กี่ยวก​ ับก​ ารจ​ ูงใจใ​หค้​ นท​ ำงานข​ องแ​ นวค​ ลาสส​ กิ​ นั้นไ​ม​่
ถกู ต​ อ้ ง กลา่ วค​ อื สภาพแ​ วดลอ้ มข​ องก​ ารท​ ำงาน และก​ ารจ​ า่ ยค​ า่ ต​ อบแทนด​ ว้ ยต​ วั เ​งนิ น​ ัน้ เ​ปน็ เ​พยี งป​ จั จยั ท​ มี​่ ค​ี วามส​ ำคญั ​
ระดับร​ อง​จากป​ ัจจัยใ​นด​ ้าน​ที่​เกี่ยวก​ ับม​ นุษย์

การว​ ิจัย​ระยะท​ ่ี​สาม

       ระยะ​ที่ส​ าม​นี้ผ​ ู้ว​ ิจัยไ​ด้​ทำการส​ ัมภาษณ์พ​ นักงาน​จำนวน 20,000 คน  การส​ ัมภาษณ์ใ​น​ตอน​แรกๆ ดำเนิน​ไป​
ตามห​ ัวข้อ​ที่ก​ ำหนด​ไว้​ว่า​จะ​ถามอ​ ะไรอ​ ย่างเ​คร่งครัด แต่​ต่อ​มา​ได้​รับ​การ​เปลี่ยน​ให้ม​ ีค​ วาม​ยืดหยุ่น​ขึ้น โดย​พนักงานไ​ด​้
รับก​ ารส​ นับสนุนใ​ห้พ​ ูดค​ ุยไ​ด้อ​ ย่างเ​สรีเ​ท่าท​ ี่ต​ นเองค​ ิดเ​กี่ยวก​ ับง​ านท​ ี่ป​ ฏิบัติอ​ ยู่ และส​ ามารถท​ ี่จ​ ะเ​ลือกเ​รื่องต​ ่างๆ ขึ้นม​ า​
พูดไ​ด้ใ​นร​ าย​ละเอียดต​ าม​ที่แ​ ต่ละ​คน​ต้องการ ผล​ของ​การว​ ิจัย​โดย​การส​ ัมภาษณ์​พอ​จะส​ รุป​ได้​ดังนี้ คือ

       1) คนน​ ั้นม​ ักจ​ ะไ​ม่ค​ ่อย​พูด​ถึงป​ ัญหา​ที่ต​ นป​ ระสบอ​ ยู่ แต่​มัก​จะพ​ ูด​ถึง​สิ่ง​ซึ่ง​คิด​ว่าผ​ ู้ฟ​ ัง​อยาก​จะไ​ด้​รับฟ​ ัง​เสมอ
       2) คนน​ ั้นจ​ ะม​ องง​ านล​ ักษณะเ​ชิงส​ ังคม ความ​พอใจน​ ั้น​จึงข​ ึ้น​อยู่​กับว​ ่าเ​ขา​ทำงานร​ วม​กับใ​ครแ​ ละ​ทำให้​ใคร
       3) ฐานะ​ของค​ นใน​ที่ท​ ำงานเ​ป็น​ตัวแปรส​ ำคัญ​ใน​การ​กำหนดส​ ภาวะท​ างส​ ังคม
       4) ใน​กลุ่ม​คน​จะ​มี​คุณค่า​นิ​ยม​และ​ปทัส​ถาน​ทาง​สังคม​ซึ่ง​อาจ​จะ​แตก​ต่าง​ไป​จาก​นโยบาย​ของ​องค์การ จาก​
ผล​การ​วิจัย​นี้​ทำให้​เกิด​การ​ยอมรับ​ใน​ตัวแปร​ที่​เกี่ยว​กับ​บุคคล​และ​สังคม​ว่า​มี​อิทธิพล​ต่อ​พฤติกรรม​ของ​มนุษย์​ใน​การ​
ปฏิบัติง​ าน

                              ลิขสิทธิ์ของมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36