Page 35 - องค์การและการจัดการและการจัดการทรัพยากรมนุษย์
P. 35

ทฤษฎีอ​ งค์การแ​ ละ​การจ​ ัดการ 2-33

       นอกจ​ าก​ นี้โฟลเล็ตย​ งั ไ​ดท้​ ำการศ​ กึ ษาป​ ัญหาค​ วามข​ ัดแ​ ย้งท​ ีเ​่ กิดข​ ึ้นใ​นก​ ารบ​ ริหาร และไ​ดเ​้ สนอก​ ระบวนการเ​พื่อ​
เป็น​แนวป​ ฏิบัติข​ อง​ผู้บ​ ริหาร​ในก​ าร​บริหาร​ความ​ขัด​แย้ง ดังนี้34

       1) การใ​ช้อ​ ำนาจค​ รอบงำ (domination)
       2) การป​ ระนีประนอม (compromise)
       3) การ​เชื่อม​ต่อห​ รือ​ประสานใ​ห้​ไปก​ ันไ​ด้ (integration)
       ทั้งส​ องข​ ้อแ​ รก​ นั้นโฟลเล็ตเ​ห็นว​ ่าจ​ ะไ​ม่ท​ ำให้ท​ ุกฝ​ ่ายพ​ อใจ แต่ใ​นข​ ้อท​ ี่ส​ ามห​ รือใ​นป​ ระการส​ ุดท้ายน​ ั้นจ​ ะเ​ป็นว​ ิธ​ี
ที่​ทำให้​ทุก​ฝ่าย​พอใจ​ได้ อย่างไร​ก็​ดี​หลัก​การ​เกี่ยว​กับ​การ​ประสาน​ความ​แตก​ต่าง​นี้​จะ​นำ​มา​ใช้ได้​ก็​ต่อ​เมื่อ​มี​การ​เปลี่ยน​
ความค​ ิดเ​กี่ยวก​ ับ​เรื่อง​ของอ​ ำ​นา​จหน้าที่ (authority) และอ​ ำนาจ (power) เสียใ​หม่ เช่น​ใน​เรื่อง​ของ​การ​ออกค​ ำ​สั่ง​นั้น
โฟลเล็​ตมี​ความ​คิด​ว่า บุคคล​หนึ่ง​บุคคล​ใด​ไม่​ควร​ที่​จะ​ได้​รับ​มอบ​อำนาจ​ให้​ออก​คำ​สั่งอีก​บุคคล​หนึ่ง​ แต่​ทั้ง 2 คน​นั้น​
ควรท​ ี่จ​ ะย​ อมรับท​ ี่จ​ ะร​ ับค​ ำส​ ั่งจ​ ากส​ ถานการณ์​มากกว่า35 นั่นค​ ือ ทั้ง​สองฝ​ ่ายค​ วรพ​ ยายาม​ศึกษาส​ ถานการณ์​และป​ ัจจัย​
แวดล้อม และ​พิจารณา​หาเหตุ​ผล​จาก​สถานการณ์น​ ั้น เมื่อ​ได้​พบ​ข้อ​เท็จ​จริงแ​ ล้วค​ วาม​ขัด​แย้ง​จะ​ไม่เ​กิด​ขึ้น นอกจาก​นี​้
ใน​ขณะ​ที่​เธอ​มี​บทบาท​เป็น​รอง​ประธาน​ของ​สมาคม​ศูนย์กลาง​เพื่อ​ชุมชน​แห่ง​ชาติ (National Community Center
Association)  ยังไ​ด้ส​ ังเกต​พบว​ ่า ความค​ ิด​ต่างๆ ซึ่ง​เกิดจ​ ากก​ ระบวนการข​ อง​กลุ่ม จะ​ช่วย​เพาะห​ รือ​สร้างป​ ฏิสัมพันธ​์
ระหวา่ งค​ นในก​ ลุ่มแ​ ละช​ ว่ ยใ​หฝ​้ า่ ยจ​ ดั การบ​ รรลผ​ุ ลส​ มั ฤทธิส์​ งู สดุ หรอื ก​ ล่าวอ​ กี น​ ยั ห​ นึ่งไ​ดว​้ า่ ไ​มม่ ผ​ี ใู​้ ดส​ ามารถเ​ปน็ บ​ คุ คล​
ได้​อย่างเ​ต็มร​ ูป​แบบ (a whole person) เว้น​แต่จ​ ะ​เป็นส​ มาชิก​ของก​ ลุ่ม​เท่านั้น

ผลง​ านข​ องบ​ ารน์​ ารด์ (1866-1961)

       บารน์​ าร์ด เป็นท​ ั้งน​ ักว​ ิชาการแ​ ละน​ ักบ​ ริหารท​ ีม่​ ผี​ ลง​ านเ​ป็นท​ ีร่​ ู้จักก​ ันด​ ใี​นห​ นังสือท​ ีเ่​ขาเ​ขียนช​ ื่อ The Function
of the Executive  ซึ่งเ​น้น​ความ​คิด​ในเ​รื่อง​ของ​อำนาจห​ น้าที่ การต​ ิดต่อ​สื่อสาร​และ​ความส​ ำคัญ​ของ​องค์การ​อรูป​นัย
และเ​ป็น​คนแ​ รกซ​ ึ่ง​เน้น​ความส​ ำคัญ​ในส​ ่วน​ที่เ​กี่ยวก​ ับต​ ัวแปร​ต่างๆ ของพ​ ฤติกรรมบ​ ุคคลใ​น​ขณะ​ปฏิบัติง​ านห​ ลังจ​ าก​ที่​
ได้ม​ ีก​ ารท​ ดลอง​ขึ้นท​ ี่​ฮอ​ ร์ธอ​ ร์น โดยบ​ าร์​นาร์ด​ มี​ความเ​ห็นข​ ัด​แย้ง​กับ​คติ​ฐาน​ของ​แนวค​ ลาสส​ ิก ซึ่ง​มอง​มนุษย์​ว่าเ​ปรียบ​
ไดเ้​สมือนก​ ับเ​ครื่องจักรก​ ลใ​นร​ ะบบอ​ งค์การซ​ ึ่งผ​ ูบ้​ ริหารส​ ามารถท​ ีจ่​ ะบ​ ังคับใ​หป้​ ฏิบัตติ​ ามค​ ำส​ ั่งไ​ดโ้​ดยใ​ชเ้​งินเ​ป็นส​ ิ่งจ​ ูงใจ
บาร์น​ าร์ด​ มีค​ วามเ​ห็นว​ ่าค​ วามร​ ่วมแ​ รงร​ ่วมใจข​ องบ​ ุคคลแ​ ต่ละบ​ ุคคลใ​นอ​ งค์การ และก​ ารร​ วมค​ วามพ​ ยายามข​ องบ​ ุคคล​
ต่างๆ เหล่าน​ ีเ้​ข้าเ​ป็นร​ ะบบข​ องค​ วามร​ ่วมม​ ือน​ ับไ​ด้ว​ ่าเ​ป็นอ​ งคป์​ ระกอบห​ รือม​ สี​ ิ่งท​ ีส่​ ำคัญต​ ่ออ​ งค์การ โดยเ​ห็นว​ ่า คนเ​ป็น​
ปัจจัยท​ ี่​สำคัญ​ที่สุดใ​น​องค์การ ดังน​ ั้นจ​ ะต​ ้อง​พยายาม​ชักจูง​ให้ค​ น​หัน​มา​ร่วมแ​ รง​ร่วมใจก​ ันท​ ำงาน มิ​ฉะนั้นก​ ็จ​ ะไ​ม่เ​กิด​
ระบบ​ความร​ ่วมม​ ือขึ้นแ​ ละ​องค์การ​จะ​ไม่ป​ ระสบ​ความส​ ำเ​ร็จ

       ใน​ส่วน​ที่​เกี่ยว​กับ​การ​สร้าง​การ​ยอมรับ​เพื่อ​ให้​เกิด​ความ​ร่วม​มือ​ใน​หมู่​พนักงาน​เพื่อ​ให้​ร่วม​มือ​ปฏิบัติ​ตาม​
วัตถุประสงค์​ของ​องค์การ​นั้น บาร์​นาร์ด​ได้​เสนอ​เป็น​หลัก​การไ​ว้​ดังนี้36

       1. 	องค์การ​จะ​ต้อง​ตระหนัก​ว่า ความ​เต็มใจ​ของ​บุคคล​ที่​จะ​ให้​ความ​ร่วม​มือ​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​พื้น​ฐาน​ที่​สำคัญ​ต่อ​
องค์การ

       2. 	ใน​การ​ที่​จะ​ก่อ​ให้​เกิด​การ​ยอมรับ​และ​ร่วม​มือ​ขึ้น​ได้​นั้น จะ​ต้อง​ทำให้​แต่ละ​บุคคล​สละ​ความ​ชอบพอ​หรือ​
ผลป​ ระโยชน์​อันเ​ป็นส​ ่วนต​ ่าง​ออก​ไป​ใน​เรื่อง​นี้ บาร์น​ าร์ดเ​ห็นว​ ่า​คำ​สั่ง​ใดๆ จะไ​ด้​รับ​การ​ยอมรับน​ ำไ​ปป​ ฏิบัติไ​ด้​ก็​ต่อ​เมื่อ​
เกิดก​ รณี​ดัง​ต่อ​ไป​นี้37

       1) 	จะ​ต้องเ​ป็น​ที่เ​ข้าใจ​ของผ​ ู้รับ
       2) 	จะ​ต้องส​ อดคล้อง​กับว​ ัตถุประสงค์ข​ อง​องค์การ
       3) 	จะ​ต้องส​ อดคล้อง​กับค​ วาม​พอใจ​ส่วน​บุคคล​ของผ​ ู้รับ
       4) 	จะ​ต้องม​ ีข​ อบเขต​ให้ผ​ ู้รับค​ ำ​สั่งป​ ฏิบัติ​ได้​ทั้งค​ วามส​ ามารถท​ างก​ ายภาพ​และ​จิตใจ

                              ลขิ สิทธ์ิของมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40