Page 37 - องค์การและการจัดการและการจัดการทรัพยากรมนุษย์
P. 37

ทฤษฎีอ​ งค์การแ​ ละ​การจ​ ัดการ 2-35

  แนว​ตอบก​ ิจกรรม 2.2.3
         1. 	คตฐ​ิ านข​ องเ​ทยเ​์ ลอร​ น​์ นั้ ม​ องม​ นษุ ยว​์ า่ เ​ปน็ มนษุ ยเ​์ ศรษฐศาสตร์ ซงึ่ จ​ ะพ​ ยายามแ​ สวงหาผ​ ลก​ ำไรส​ งู สดุ ​

  ตอ่ ​ตนเอง และจ​ ะก​ ระทำ​สงิ่ ​ต่างๆ เพือ่ บ​ รรลวุ​ ตั ถุประสงคด์​ ัง​กลา่ ว โดยย​ ึด​หลัก​ของค​ วามส​ มเ​หตุ​สมผ​ ล
         คตฐ​ิ านข​ องม​ าโ​ยข​ อง​มนษุ ยใ์​น​แงจ่​ ติ วทิ ยา​วา่ ​เปน็ มนษุ ย์​สงั คม ซึ่ง​มค​ี า่ ​นยิ ม ทัศนคติ​และอ​ ารมณ์ และ​จะ​

  ตอบ​สนอง​ตอ่ ​สงิ่ ​ตา่ งๆ โดย​ไม่อ​ ิง​หลกั ข​ องค​ วาม​สมเ​หต​สุ มผ​ ล
         คตฐ​ิ านข​ องไ​ซม​ อนน​ น้ั ม​ องม​ นษุ ยว​์ า่ เ​ปน็ มนษุ ยบ์​ รหิ าร ซงึ่ พ​ ยายามท​ จ​ี่ ะย​ ดึ ห​ ลกั ข​ องค​ วามส​ มเ​หตสุ​ มผ​ ล

  และพ​ ยายาม​ที่​จะ​แสวงหาผ​ ล​ตอบแทนท​ ต่ี​ น​พอใจ แทนท​่ีจะแ​ สวงหาผ​ ล​ตอบแทน​สูงสดุ
         2. 	เน้น​การ​ทำให้​ทุก​ฝ่าย​พอใจ​ด้วย​วิธี​การ​เชื่อม​ต่อ​หรือ​ประสาน​ให้​ไป​กัน​ได้​มากกว่า​จะ​ใช้​วิธี​ใช้​อาจ​ฝ่าย​

  บริหาร​ครอบงำ หรอื ​ใช้ห​ นทาง​ของก​ ารป​ ระนปี ระนอม

เร่อื งท​ ่ี 2.2.4
แนวคดิ ก​ าร​จดั การเ​ชงิ ​พฤตกิ รรม​ศาสตร์

       	
       การ​ทด​ลอง​ที่​ฮ​อร์ธ​อร์น​เป็น​จุด​เริ่ม​ต้น​ที่​สำคัญ​ใน​การ​หันเห​ความ​สนใจ​ของ​นัก​ทฤษฎี​องค์การ​ให้​มา​ทำการ​
สนใจแ​ ละว​ ิเคราะหเ์​กี่ยวก​ ับพ​ ฤติกรรมม​ นุษย์ หลังจ​ ากท​ ีผ่​ ลขอ​ งก​ ารท​ ดลองไ​ดแ้​ พรห่​ ลายอ​ อกไ​ปก​ เ็​ป็นท​ ีย่​ อมรับก​ ันข​ อง​
นกั ท​ ฤษฎม​ี ากข​ ึ้นเ​รือ่ ยๆ ว่า พฤตกิ รรมม​ นุษยเ์​ป็นเ​รื่องท​ มี่​ ค​ี วามล​ ะเอยี ดอ​ อ่ นแ​ ละส​ ลบั ซ​ บั ซ​ อ้ นแ​ ละม​ อ​ี ิทธพิ ลต​ อ่ ผ​ ลผลิต​
ของอ​ งค์การ กล่าวอ​ ีกน​ ัย​หนึ่งไ​ด้​ว่า มนุษย์น​ ั้น​ไม่ไ​ด้​เป็นเ​พียงม​ นุษย์​เศรษฐศาสตร์ ซึ่งเ​ปรียบเ​หมือ​นไ​ด้​กับเ​ครื่องจักร​
ที่ส​ ามารถจ​ ะบ​ ังคับใ​ห้ท​ ำงานไ​ด้ต​ ามท​ ี่อ​ งค์การต​ ้องการโ​ดยใ​ช้เ​งินเ​ป็นส​ ิ่งล​ ่อใ​จ หากแ​ ต่ม​ นุษย์เ​ป็นม​ นุษย์ส​ ังคมท​ ี่ม​ ีค​ วาม​
ต้องการแ​ ละ​ความ​ปรารถนา​ซึ่ง​จะต​ ้อง​เป็น​หน้าที่ข​ องฝ​ ่ายบ​ ริหาร​ที่จ​ ะก​ ำหนดโ​ครงสร้าง​ของอ​ งค์การแ​ ละ​ของง​ านใ​ห้​เอื้อ​
ต่อ​การ​สนอง​ตอบ​ความต​ ้องการแ​ ละ​ความ​ปรารถนา​ของม​ นุษย์​ได้
       จาก​แนว​คิด​ของ​นัก​ทฤษฎี​เชิง​มนุษยสัมพันธ์​นี้ ประกอบ​กับ​ใน​ช่วง​ระยะ​เวลา​หลัง​จาก​ที่​ผล​การ​ทด​ลอง​ที่​
ฮ​อร์ธ​อร์น​สิ้น​สุด​ใน ค.ศ. 1933 นั้น ประเทศ​สหรัฐอเมริกา​ต้อง​ประสบ​กับ​สภาวะ​เศรษฐกิจ​ตกต่ำ ธุรกิจ​ต้อง​ประสบ​
ปัญหา​ของ​การ​ขาดทุน การ​ว่าง​งานมี​อัตรา​สูง และ​ขวัญ​กำลัง​ใจ​ของ​คน​อเมริกัน​อยู่​ใน​ภาวะ​ตกต่ำ   ปรัชญา​ของ​การ​
ทำงาน​หนักแ​ ละ​การ​เน้น​ลัทธิ​ปัจเจก​ชน​นิยม ซึ่ง​เป็น​ปรัชญา​ของ​ยุคคลาส​สิก​ไม่​สามารถ​ที่​จะ​ไป​ด้วย​กัน​ได้​กับ​สภาวะ​ที่​
เปลี่ยนไ​ป ดังน​ ั้น จึงเ​กิดม​ ีป​ รัชญาซ​ ึ่งเ​น้นล​ ัทธิท​ างส​ ังคมข​ ึ้นม​ าแ​ ทนที่ล​ ัทธิป​ ัจเจกช​ นน​ ิยม โดยม​ ีก​ ารเ​น้นใ​ห้ค​ วามส​ ำคัญ​
กับก​ ลุ่ม​และ​การ​พึ่งพาอ​ าศัยก​ ันแ​ ละ​กันข​ องบ​ ุคคล
       นอกจากน​ ภี​้ าวะท​ ธี​่ รุ กจิ ไ​มส​่ ามารถใ​ชป​้ ระโยชนจ​์ ากเ​ครือ่ งจกั รไ​ดเ​้ ตม็ ก​ ำลงั ก​ ารผ​ ลติ ส​ บื เ​นือ่ งจากก​ ารท​ เี​่ ศรษฐกจิ ​
ตกต่ำ ทำให้ธ​ ุรกิจต​ ้อง​หัน​ไป​ผลิตส​ ินค้า​ชนิดอ​ ื่นๆ เพิ่มข​ ึ้น ซึ่งเ​มื่อป​ ระกอบก​ ับ​ความ​ก้าวหน้าท​ างเ​ทคโนโลยีใ​นส​ มัยน​ ั้น
ทำให้​ลักษณะ​ของ​งาน​มี​ความ​แตก​ต่าง​ไป​จาก​ลักษณะ​ของ​งาน​สมัย​ยุค​เดิม​มาก โดย​ลักษณะ​งาน​สมัย​ใหม่​นี้​ต้องการ​
ความ​คิด​สร้างสรรค์​ใน​ส่วน​ของ​พนักงาน​มาก​ขึ้น ด้วย​เหตุ​นี้​จึง​มี​นัก​ทฤษฎี​องค์การ​หัน​มา​ให้​ความ​สนใจ​ทำการ​ศึกษา​
เกี่ยวก​ ับพ​ ฤติกรรม​กันม​ าก​จน​กลายเ​ป็น​แนวค​ ิด​เชิงพ​ ฤติกรรม​ศาสตร์ต​ ่อ​มา
       นัก​ทฤษฎี​ตาม​แนวคิด​เชิง​พฤติกรรม​ศาสตร์​นี้​มี​ความ​คิด​เห็น​แตก​ต่าง​ไป​จาก​นัก​ทฤษฎี​ยุคคลาส​สิก​ซึ่ง​น่า​จะ​
ตั้ง​เป็นข​ ้อส​ ังเกต​ได้​คือ

                              ลิขสิทธขิ์ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42