Page 138 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 138
5-26 ก ารส่งเสริมสุขภ าพและการป้องกันโรค
3.10 การพัฒนาการดำเนินงานหรือการแก้ไขปัญหาชุมชนในเร่ืองอ่ืนๆ ต่อไป เมื่อสมาชิกชุมชนประสบ
ความสำเร็จในการดำเนินงานตามแผนงาน ไม่ว่าจะเป็นเพียงส่วนน้อยหรือทั้งหมด ชุมชนจะได้บทเรียนที่จะนำไป
ปรับแผน ปรับปรุงการดำเนินงาน หรือพัฒนาโครงการในเรื่องใหม่ๆ ที่เป็นป ัญหาของชุมชน โดยก ารนำค วามร ู้ ทักษะ
และป ระสบการณจ์ ากก ารด ำเนนิ ง านท ผี่ า่ นม าใชใ้ นว งจรก ารเรยี นร แู้ ละก ารแ กไ้ ขป ญั หาข องช มุ ชนต อ่ ไป สง่ ผ ลใหส้ มาชกิ
ชุมชนม ีค วามส ามารถเพิ่มข ึ้นเรื่อยๆ มีก ารด ึงสม าช ิกห รืออ งค์กรท ั้งภ ายในช ุมชนแ ละน อกช ุมชนม าร ่วมง านม ากข ึ้น จน
กลายเป็นเครือข่ายการทำงานที่ก ว้างข วางแ ละเข้มแข็งมากย ิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างกิจกรรมการเสริมพลังชุมชนจะเป็นไปตามหลักการการเสริมพลังที่เน้นกิจกรรมการมี
ส่วนร่วม การเริ่มจากการผ่านประสบการณ์ของผู้เรียน แล้วนำมาคิดวิเคราะห์ การเพิ่มทักษะที่จำเป็น การวางแผน
ปฏิบัติการ และการนำแผนไปปฏิบัติ ตามกระบวนการศึกษาเพื่อการเสริมพลังที่กล่าวไปแล้ว โดยใช้เทคนิคการพูด
คุย อภิปราย และก ารท ำก ิจกรรมร ่วมก ันเป็นกลุ่ม ซึ่งมุ่งให้ส มาชิกได้ค ้นพ บแ ละพ ัฒนาความสามารถข องตนเอง ส่ง
ผลให้สามารถแก้ไขป ัญหาของต นเอง กลุ่ม และชุมชนได้
4. บทบาทของผ ้จู ดั กิจกรรมก ารเสรมิ พลงั
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้จัดการเรียนรู้เพื่อสร้างพลังชุมชน จะต้องมีการปรับเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น
ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่เป็นผู้สอนหรือผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านสุขภาพในแก่ประชาชนในชุมชน มาเป็นผู้ประสานงาน
(Coordinator) และเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ (Facilitator) แทน เนื่องจากกระบวนการเสริมพลังจะเชื่อในความ
สามารถของบ ุคคลท ี่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ที่แต่ละค นมี และน ำมาแ ลกเปลี่ยนซึ่งกันแ ละก ัน ตลอดจนก ารเรียนรู้
จะเกิดข ึ้นโดยต ัวส มาชิกไดค้ ิดว ิเคราะหใ์นส ิ่งต ่างๆ จนเกิดค วามเข้าใจด ้วยต นเอง ซึ่งเปรียบเสมือนก ารเกิดค วามร ูใ้หม่
ในต ัวข องส มาชิกเอง และท ำให้บ ุคคลต ัดสินใจท ี่จ ะเปลี่ยนแปลงส ิ่งต ่างๆ ให้ด ีข ึ้นด ้วยต นเองไม่ใช่ถ ูกส ั่งห รือร ้องขอให้
ทำ ดังน ั้นห น้าที่ข องผู้จ ัดการเรียนร ู้ค ือ การส่งเสริมให้แกนน ำหรือสมาชิกข องช ุมชนที่เป็นกล ุ่มเป้าห มายเกิดก ารเรียน
รู้ โดยการจัดบรรยากาศของการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมให้มากที่สุดในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และ
ความค ิดเห็น และนำไปสู่การส ร้างสรรค์ความร ู้ใหม่ รวมท ั้งการส ่งเสริมให้ส มาชิกได้พัฒนาค วามคิดแ ละทักษะในการ
ปฏิบัตเิพื่อก ารเปลี่ยนแปลงในร ะดับบ ุคคลแ ละส ังคม บรรยากาศพ ื้นฐ านในก ารจ ัดการศ ึกษาเพื่อส ร้างพ ลังม ลี ักษณะท ี่
เจ้าห น้าทสี่ าธารณสุขผ จู้ ดั ก ระบวนการเสรมิ พ ลงั แ ละส มาชิกข องช ุมชนต ่างเรียนร จู้ ากก นั แ ละก ัน โดยถ อื ว่า ทั้งเจ้าห น้าที่
สาธารณสขุ แ ละส มาชกิ ช ุมชนต า่ งเป็นแ หลง่ ข องค วามร ูค้ วามค ดิ แทนก ารท ีเ่ จ้าห น้าทเี่ป็นผ เู้ ชี่ยวชาญห รอื เป็นผ ูร้ ใู้ นเรือ่ ง
นั้นๆ แตเ่พียงฝ ่ายเดียว ดังน ั้นก ารต รวจส อบข ั้นแ รกว ่า การเรียนร ูน้ ั้นเป็นไปต ามห ลักก ารข องก ารเสริมพ ลังห รือไมค่ ือ
ทั้งเจ้าห น้าที่และสมาชิกชุมชนต่างเป็นบุคคลส ำคัญในก ารร่วมกิจกรรมหรือก ระทำเพื่อก ารเรียนรู้นั้นๆ หรือไม่
ในการจัดการศึกษาเพื่อสร้างพลังชุมชน เจ้าหน้าที่ควรมีแนวคิดและมีความเข้าใจในหลักการ ตลอดจนมี
ทักษะในการใช้เทคนิคการจัดกระบวนการเสริมพลัง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและสามารถจัดหลักสูตรการเรียนรู้
ได้สอดคล้องกับหลักการ เป็นผลให้การจัดการเรียนรู้นั้นบรรลุตามวัตถุประสงค์ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ควรได้รับการ
ฝึกอบรมเทคนิคและกิจกรรมการจัดการศึกษาเพื่อสร้างพลังในลักษณะเดียวกับที่จะนำไปใช้จัดการเรียนรู้กับกลุ่ม
เป้าหมาย โดยในขั้นการวางแผนเพื่อการนำไปใช้จริง เจ้าหน้าที่จะต้องพิจารณาเลือกเทคนิคและกิจกรรมที่มีความ
เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ทรัพยากร และเวลา ตลอดจ นสอดคล้องก ับกระบวนการเสริมพ ลัง ซึ่งอาจ
จำเป็นต้องป รับกิจกรรมต ่างๆ ที่เคยใช้อ ยู่ให้ม ีค วามเหมาะสมยิ่งข ึ้น
ลขิ สิทธิข์ องมหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช