Page 142 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 142

5-30 ​การส​ ่งเ​สริมสุขภ​ าพ​และ​การป้องกัน​โรค

เร่ืองท​ ่ี 5.2.3
กรณี​ตัวอยา่ ง​การเ​สรมิ ​พลงั ช​ ุมชน

       เนื่องจาก​การ​เสริม​พลัง​ชุมชน​สามารถ​เกิด​ได้​ใน​สอง​ลักษณะ​ที่​สำคัญ คือ ลักษณะ​แรก เป็น​ชุม​ชม​ที่​มี​ผู้นำ​ที่​
เรียนร​ ู้​ปัญหา​ของต​ น​และเ​ป็น​ผู้นำก​ าร​เปลี่ยนแปลงข​ อง​ชุมชน​ตัว​เอง ดังก​ รณี​ตัวอย่างข​ องป​ ราชญ์​ชาว​บ้าน​หลาย​คนใน​
ภาคต​ ะวันอ​ อกเ​ฉียงเ​หนือแ​ ละภ​ าคใ​ต้ ที่พ​ ยายามศ​ ึกษาแ​ ละแ​ ก้ไขป​ ัญหาเ​รื่องป​ ัญหาค​ วามย​ ากจนแ​ ละค​ ุณภาพช​ ีวิตท​ ี่ไ​ม​่
ดีข​ องค​ นในช​ ุมชน ซึ่ง​กรณี​นี้เ​ป็นช​ ุมชนท​ ี่​มีผ​ ู้นำต​ ามธ​ รรมชาติ​ที่​สามารถค​ ิด วางแผน ลงมือด​ ำเนินก​ าร​และ​ประเมินผ​ ล​
การ​เปลี่ยนแปลง​ชุมชนข​ องต​ น​ด้วย​ตนเอง ลกั ษณะท​ ่​ีสอง เป็น​ชุมชน​โดยท​ ั่วไป​ใน​ประเทศไทย ซึ่งเ​คย​ได้​รับ​การ​พัฒนา​
จากห​ น่วยง​ านต​ ่างๆ ของร​ ัฐ ในล​ ักษณะท​ ี่เ​จ้าห​ น้าที่เ​ป็นผ​ ู้ค​ ิดร​ ิเริ่มโ​ครงการแ​ ละเ​ข้าไปพ​ ัฒนา ส่วนช​ ุมชนเ​ป็นผ​ ู้ถ​ ูกก​ ระทำ
ดังน​ ั้นก​ ารเ​สริมพ​ ลังช​ ุมชนใ​นร​ ะยะแ​ รกจ​ ึงจ​ ำเป็นต​ ้องอ​ าศัยก​ ารส​ นับสนุนข​ องเ​จ้าห​ น้าที่ใ​นก​ ารไ​ปจ​ ัดก​ ระบวนการเ​รียนร​ ู​้
ให้​แก่ช​ ุมชนไ​ด้เ​พิ่มศ​ ักยภาพแ​ ละส​ ามารถ​นำก​ าร​เปลี่ยนแปลง​ด้วยต​ นเอง​ต่อ​ไป​ได้

       ในเ​รื่องน​ ี้จ​ ะย​ กต​ ัวอย่างก​ ิจกรรมก​ ารเ​สริมพ​ ลังช​ ุมชนท​ ี่เ​จ้าห​ น้าที่เ​ป็นผ​ ู้จ​ ัดก​ ระบวนการเ​รียนร​ ู้ใ​ห้แ​ ก่ช​ ุมชนใ​ห้ม​ ​ี
ความส​ ามารถเ​พิ่มข​ ึ้นท​ ี่จ​ ะร​ ่วมม​ ือก​ ันแ​ ก้ไขป​ ัญหาส​ ุขภาพข​ องช​ ุมชน ซึ่งส​ ามารถน​ ำไ​ปป​ ระยุกต์ใ​นก​ ารพ​ ัฒนาส​ ุขภาพข​ อง​
ชุมชนไ​ด้​โดยค​ รอบคลุม​ทั้ง​ปัญหา​โรค​ติดต่อ โรคไ​ม่​ติดต่อ และก​ ารส​ ร้าง​สุขภาพช​ ุมชน ได้แก่ การเ​สริม​พลังช​ ุมชน​เพื่อ​
การ​ป้องกัน​โรค​ไข้​เลือด​ออก การ​เสริม​พลัง​ชุมชน​เพื่อ​การ​ป้องกัน​และ​แก้ไข​ปัญหา​โรค​เอดส์ และ​การ​เสริม​พลัง​ชุมชน​
เพื่อ​การ​ส่ง​เสริมสุข​ภาพ​และ​ป้องกัน​โรค โดย​จะ​มี​การ​กล่าว​ถึง​บุคคล​เป้า​หมาย​ที่​ควร​เข้า​ร่วม​กิจกรรม วิทยากร​หรือ​
ผู้​สนับสนุน​การ​เรียน​รู้ และ​ตัวอย่าง​กิจกรรม​ตาม​วัตถุประสงค์​ต่างๆ ซึ่ง​ใน​ความ​เป็น​จริง​ยัง​มี​กิจ​กร​รม​อื่นๆ อีก​มาก​
​ที่น​ อก​เหนือจ​ าก​ตัวอย่าง ซึ่งส​ ามารถน​ ำใ​ช้จ​ ัด​กิจกรรมก​ าร​เสริมพ​ ลัง​ชุมชน​ได้เ​ช่นก​ ัน

1. 	กรณต​ี วั อย่าง​กจิ กรรมก​ ารเ​สรมิ พ​ ลังช​ มุ ชนเ​พื่อก​ าร​ป้องกนั ​โรคไ​ ขเ้​ลอื ด​ออก

       โรค​ไข้​เลือด​ออก​เป็น​ปัญหา​โรค​ติดต่อ​ที่​พบ​ใน​ชุมชน​ต่างๆ ของ​ประเทศไทย​ใน​ทุก​ภาค​และ​เป็น​สาเหตุ​ของ​
การ​เจ็บ​ป่วย​และ​การ​เสีย​ชีวิต​ของ​ประชาชน​ใน​ชุมชน ซึ่ง​โรค​นี้​ยัง​ไม่มี​วัคซีน​ป้องกัน มี​ยุง​ลาย​เป็น​พาหะ​นำ​เชื้อ​ไข้​เลือด​
ออก การป​ อ้ งกนั แ​ กไ้ ขป​ ญั หาโ​รคไ​ขเ​้ ลอื ดอ​ อกจ​ ำเปน็ ต​ อ้ งไ​ดร​้ บั ค​ วามร​ ว่ มม​ อื ข​ องค​ นในช​ มุ ชน ในก​ ารป​ รบั ปรงุ ส​ ิง่ แ​ วดลอ้ ม​
ที่​เป็น​แหล่ง​เพาะ​พันธุ์​ยุง​ลาย​ทั้ง​ใน​ครัว​เรือน รอบๆ บ้าน และ​ใน​สถาบัน​ต่างๆ ของ​ชุมชน เช่น วัด โรงเรียน รวม​ถึง​
สถาน​ที่​สาธารณะ​ต่างๆ จึง​จะ​สามารถ​ควบคุม​การ​แพร่​ระบาด​ของ​โรค​ไข้​เลือด​ออก​ได้ ซึ่ง​การ​ปรับ​เปลี่ยน​สิ่ง​แวดล้อม​
ดังก​ ล่าวใ​นช​ ุมชนไ​มส่​ ามารถท​ ำไดส้​ ำเร็จโ​ดยบ​ ุคคลใ​ด ครอบครัวใ​ด กลุ่มใ​ด หรือห​ น่วยง​ านใ​ดห​ น่วยง​ านห​ นึ่ง แตจ่​ ำเป็น​
ต้องไ​ด้ร​ ับค​ วามร​ ่วมม​ ือจ​ ากค​ นในช​ ุมชนท​ ี่ม​ องเ​ห็นค​ วามส​ ำคัญแ​ ละต​ ้องการแ​ ก้ไขป​ ัญหาโ​รคไ​ข้เ​ลือดอ​ อก มีค​ วามเ​ข้าใจ​
และม​ ีท​ ักษะใ​นก​ ารค​ วบคุมโ​รคไ​ข้เ​ลือดอ​ อก รวมท​ ั้งร​ ่วมก​ ันว​ างแผนแ​ ละด​ ำเนินก​ ารค​ วบคุมป​ ้องกันโ​รคไ​ข้เ​ลือดอ​ อกใ​ห​้
ครอบคลุมท​ ุกพ​ ื้นที่ใ​นช​ ุมชนอ​ ย่างต​ ่อเ​นื่อง ซึ่งล​ ักษณะด​ ังก​ ล่าวจ​ ะเ​กิดข​ ึ้นไ​ด้ต​ ้องอ​ าศัยก​ ารเ​สริมพ​ ลังช​ ุมชน แทนก​ ารใ​ห​้
เจ้า​หน้าที่ล​ ง​ไป​ดำเนิน​การ หรือส​ ั่งก​ าร​ให้ช​ ุมชน​ทำ ที่​ไม่​สามารถ​ดำเนินก​ ารไ​ด้​อย่างค​ รอบคลุม หรือ​เกิดก​ ารด​ ำเนินก​ าร​
ไม่จ​ ริงจังแ​ ละ​ไม่ต​ ่อเ​นื่อง ทำให้ไ​ม่​สามารถป​ ้องกันแ​ ละค​ วบคุมโ​รค​ได้อ​ ย่าง​แท้จริง

       1.1	 บุคคล​เป้า​หมาย ควร​เป็น​แกน​นำ​ชุมชน ที่​ประกอบ​ด้วย ผู้นำ​ชุมชน​ทั้ง​ที่​เป็น​ทางการ​และ​ไม่​เป็น​ทางการ
เช่น  ผู้ใหญ่​บ้าน อบต. หัวหน้าค​ ุ้ม อสม. สมาชิกก​ ลุ่ม​แม่​บ้าน ผู้​อาวุโสห​ รือผ​ ู้ทรง​คุณวุฒิ​ที่​คนใน​หมู่บ้านใ​ห้การ​ยอมรับ
สมาชิก​กลุ่ม​เยาวชน พระ​หรือ​ผู้นำ​ทาง​ศาสนา เป็นต้น รวม​ทั้ง​ครู​ของ​โรงเรียน​ที่​ตั้ง​อยู่​ใน​ชุมชน ทั้งนี้​ควร​มี​จำนวน​
ไม่​มาก​เกิน​ไปเ​พื่อใ​ห้เ​กิด​การ​มี​ส่วนร​ ่วม​ได้​อย่างท​ ั่วถ​ ึง เช่น จำนวน 24-27 คน เพื่อ​สามารถ​แบ่ง​เป็นกล​ ุ่มย​ ่อยท​ ำงาน​ได​้
3 กลุ่ม กลุ่มละ 8-9 คน อย่างไรก​ ็ตาม​หาก​มี​ข้อ​จำกัด​ว่า​จะต​ ้อง​มี​จำนวนส​ มาชิกเ​ข้า​ร่วมม​ ากกว่าจ​ ำนวน​ที่ก​ ล่าวม​ า เช่น​

                             ลิขสิทธ์ิของมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147