Page 154 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 154

12-24 พฤติกรรมม​ นุษย์แ​ ละจ​ ริยธรรมท​ าง​เศรษฐกิจ​และ​ธุรกิจ

       อย่างไร​ก็ตาม ตาม​แนว​คิด​ของ​แนสส์ ผู้​ที่​เชื่อ​ใน​ประเด็น​ข้าง​ต้น​จะ​เป็น​ผู้​สนับสนุน​นิเวศวิทยา​เชิง​ลึก แต่​ไม่​
จำเป็น​ต้อง​มี​โลก​ทัศน์​เหมือน​กัน​หรือ​เชื่อ​ใน​นิเวศ​ปรัชญา (ecosohpy) เหมือน​กัน​หมด ผู้​ที่​เชื่อ​ใน​นิเวศวิทยา​เชิง​ลึก​
สามารถม​ ีแ​ นวคิด​ทางป​ รัชญาห​ รือศ​ าสนาท​ ี่ห​ ลากห​ ลายไ​ด้ ทั้งนี้ข​ ึ้น​อยู่ก​ ับ ปทัสถ​ านท​ างจ​ ริยธรรม​พื้น​ฐาน (fundamen-
tal ethical norm) ที่​เรียก​ว่า การ​ทำให้​เกิด​ขึ้นด​ ้วยต​ ัวเ​อง (self-realization) นักป​ รัชญาช​ ื่อ ฟอก​ซ์ (Fox, 1990) ได้​
นำแ​ นวคิด “การท​ ำให้เ​กิด​ขึ้น​ด้วย​ตัว​เอง” เข้า​มาพ​ ิจารณาใ​น​ปรัชญา​ทางน​ ิเวศ​ของ​ตนเอง ที่เ​รียก​ว่า “นิเวศวิทยา​ข้าม​
บุคคล” (transpersonal ecology) ฟอก​ซ์ มองว​ ่า​จริยธรรมด​ ้าน​สิ่ง​แวดล้อม​ไม่​ได้​เกี่ยวข้อง​กับก​ าร​กำหนด​ความ​รับ​
ผิดช​ อบ​หรือภ​ าระห​ น้าที่ต​ ่อ​สิ่งแ​ วดล้อม แต่​เกี่ยวข้อง​กับก​ าร​ทำให้เ​กิด “จิตสำนึก​ทางน​ ิเวศ” (the realization of an
“ecological consciousness”) ฟอก​ซ์เ​ห็น​ด้วย​กับแ​ นสส์​ว่า จิตสำนึกด​ ัง​กล่าวเ​กี่ยวข้อง​กับ​การร​ ะบุ​ตัวต​ นข​ อง​โลก​ที​่
ไม่ใช่ม​ นุษย์ใ​ห้​กว้างม​ ากท​ ี่สุดท​ ี่จ​ ะ​เป็น​ไปไ​ด้ ดังน​ ั้น ความว​ ิตกก​ ังวล​ทางจ​ ริยธรรม​ที่​เป็นม​ า​ใน​การก​ ำหนดห​ ลักก​ ารแ​ ละ​
ความ​รับ​ผิด​ชอบ​หรือ​ภาระ​หน้าที่​จึง​กลาย​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​จำเป็น เนื่องจาก เมื่อ​จิตสำนึก​ดัง​กล่าว​ได้​เกิด​ขึ้น​แล้ว จิตสำนึก​
นั้นโ​ดยธ​ รรมชาติก​ ็​จะป​ กป้องส​ ิ่งแ​ วดล้อมแ​ ละป​ ล่อย​ให้​สิ่ง​แวดล้อม​เจริญง​ อกงาม​ต่อ​ไปไ​ด้

       2.2 		นเิ วศวิทยา​สังคม (social ecology) นิเวศวิทยาส​ ังคม​มี​มุมม​ อง​ร่วม​กับน​ ิเวศวิทยาเ​ชิง​ลึกว​ ่า​ พื้น​ฐานข​ อง​
วิกฤต​ทางส​ ิ่ง​แวดล้อมเ​กิดจ​ ากอ​ ุดมการณ์ท​ ี่​ครอบงำ (dominant ideology) ของ​สังคมต​ ะวันต​ กส​ มัย​ใหม่ ดังน​ ั้น การ​
แก้ไขป​ ัญหาว​ ิกฤต​ทางส​ ิ่งแ​ วดล้อม จึงจ​ ำเป็น​ต้อง​เป็นการแ​ ก้ไข​อุดมการณ์​หลัก แต่​ไม่ใช่​การ​แก้ไข​โดยว​ ิธีก​ าร​ทำให้เ​กิด​
ดว้ ยต​ นเอง (self-realization) แตด่​ ้วยก​ ารท​ ำใหก​้ ารค​ รอบงำห​ ายไ​ป (the absence of domination) นกั ป​ รชั ญาท​ ีเ่​ขียน​
เกี่ยว​กับ​การค​ รอบงำ ชื่อ บุค​ ชิน (Bookchin, 1982) มองว​ ่า ปัญหา​สิ่ง​แวดล้อม เป็น​สิ่ง​ที่​เกี่ยวข้องโ​ดยตรงก​ ับ​ปัญหา​
สังคม โดย​เฉพาะป​ ัญหา​ลำดับช​ ั้น​ของอ​ ำนาจ (the hierarchies of power) ที่เ​ป็นอ​ ยู่​ใน​สังคม​สมัย​ใหม่ ลำดับ​ชั้น​ของ​
อำนาจน​ ีส้​ นับสนุนใ​หเ้​กิดค​ วามส​ ัมพันธแ์​ บบล​ ำดับช​ ั้น (a hierarchical relationship) ระหว่างม​ นุษยแ์​ ละโ​ลกธรรมช​ าติ
อุดมการณ์ท​ ี่เ​กี่ยวข้องก​ ับต​ ลาดเ​สรีท​ ำให้เ​กิดล​ ำดับช​ ั้นด​ ังก​ ล่าว และท​ ำให้ม​ นุษย์แ​ ละโ​ลกธรรมช​ าติถ​ ูกล​ ดฐ​ านะล​ งก​ ลาย​
เป็น​เพียง​สินค้าใ​น​ตลาด บุค​ ชิน​ได้โ​ต้​แย้ง​ว่า ภายใ​ต้ต​ ลาดเ​สรี​นั้น ในค​ วามเ​ป็น​จริง ทั้ง​มนุษย์แ​ ละ​ธรรมชาติ​ต้อง​พึ่งพา​
ซึ่ง​กันแ​ ละก​ ัน ดัง​นั้น ข้อ​โต้แ​ ย้งด​ ัง​กล่าว​ค่อนข​ ้างแ​ ตกต​ ่างไ​ป​จากแ​ นวคิดข​ อ​งมาร์กซ์ ที่​ว่าอ​ ิสรภาพข​ องค​ น​ขึ้น​อยู่​กับ​การ​
ครอบงำโ​ลกธรรม​ชาติ​อย่างส​ มบูรณ์ด​ ้วย​เทคโนโลยี สำหรับ​บุค​ ชิ​นม​องว​ ่า แนวคิดข​ อ​งมาร์กซ์เ​ป็นการ​เกี่ยวข้อง​กับ​การ​
แยกส​ ่วน​มนุษย์อ​ อก​จาก​ธรรมชาติ​ที่ป​ รากฏ​อยู่ใ​นอ​ ุดมการณ์​ทางท​ ุนนิยม มนุษย์​ต้องต​ ระหนักว​ ่า ตนเอง​เป็นส​ ่วน​หนึ่ง​
ของธ​ รรมชาติ ไม่​ได้​แยก​ส่วนอ​ อกม​ า ดัง​นั้น สังคม​มนุษย์​และค​ วามส​ ัมพันธ์​ระหว่าง​มนุษย์แ​ ละธ​ รรมชาติ จึงส​ ามารถ​
พิจารณา​จาก​ความ​สัมพันธ์​ที่​ไม่มี​ลำดับ​ชั้น (the non-hierarchical relations) ที่​พบ​อยู่​ใน​โลกธรรม​ชาติ ตัวอย่าง​
เช่น บุ​คชิน​ได้ช​ ี้​ให้​เห็น​ว่า ภายใน​ระบบ​นิเวศ ไม่มี​ตระกูล​สิ่ง​มี​ชีวิต (species) ใด​จะม​ ี​ความส​ ำคัญ​เหนือ​กว่า​ตระกูล​สิ่ง​
มี​ชีวิต​อื่น แต่​ใน​ด้าน​ความ​สัมพันธ์​นั้น เป็น​ความ​สัมพันธ์​ที่​มี​ต่อ​กัน​และ​กัน การ​พึ่งพา​กัน​และ​การ​ไม่มี​ลำดับ​ชั้น​ทาง​
ธรรมชาติ จึง​เป็นการใ​ห้แ​ ผนผัง (a blueprint) สำหรับ​สังคมม​ นุษย์​ที่​ไม่มี​ลำดับ​ชั้น (a non-hierarchical human
society) สำหรับร​ ัฐ​ที่ม​ ีอ​ ำนาจ​จาก​การ​เป็นศ​ ูนย์กลาง​การบ​ ริหาร ก็​เป็น​เพียง​หน่วยง​ าน​หนึ่ง​ที่ส​ ามารถ​ทำการค​ รอบงำ​ได้
ดังน​ ั้น เพื่อท​ ี่จ​ ะก​ ำจัดล​ ำดับช​ ั้น การแ​ ปลงส​ ภาพจ​ ะต​ ้องเ​กิดข​ ึ้นโ​ดยเ​ริ่มห​ น่วยง​ านท​ ี่เ​ล็ก คือ เริ่มจ​ ากภ​ ายในช​ ุมชนท​ ้องถ​ ิ่น
ชุมชนเ​หล่า​นี้​จะม​ ี​พื้นฐ​ านใ​น​การท​ ำ​เกษตรแ​ บบ​ยั่งยืน การม​ ี​ส่วนร​ ่วม​ตามแ​ นวทางป​ ระชาธิปไตย และ​อิสรภาพ​จากก​ าร​
ไม่มีก​ าร​ครอบงำ ดัง​นั้น ไม่​เพียงแ​ ต่​ธรรมชาติ​จะ​ช่วยท​ ำให้​ชุมชน​มนุษย์​มี​ความ​มั่งคั่ง​และ​เท่า​เทียมก​ ัน สังคมท​ ี่​แปลง​
สภาพย​ ังท​ ำให้เ​กิดค​ วามส​ ัมพันธ์ก​ ับธ​ รรมชาติม​ ากย​ ิ่งข​ ึ้น ประเด็นห​ ลังน​ ี้แ​ สดงถ​ ึงแ​ นวคิดใ​นท​ างบ​ วกข​ องบ​ ุค​ ชินเ​กี่ยวก​ ับ​
ขีดค​ วามส​ ามารถข​ องม​ นุษยชาตใิ​นก​ ารแ​ ก้ป​ ัญหาว​ ิกฤตส​ ิ่งแ​ วดล้อม บุค​ ชินไ​ม่ไ​ด้ค​ ิดว​ ่าม​ นุษยชาตเิ​ป็นส​ าเหตทุ​ ี่ท​ ำใหเ้​กิด​
วิกฤตท​ างส​ ิ่งแ​ วดล้อม แต่ค​ วามส​ ัมพันธ์​ภายในส​ ังคม​ต่างห​ าก​ที่เ​ป็นส​ าเหตุ ด้วยเ​หตุน​ ี้บ​ ุค​ ชินจ​ ึงไ​ม่เ​ห็น​ด้วยอ​ ย่างร​ ุนแรง​
ต่อก​ าร​ต่อต​ ้านม​ นุษย์น​ ิยม (anti-humanism) ที่ป​ รากฏอ​ ยู่​ใน​แนวคิด​ของ​นิเวศวิทยาเ​ชิงล​ ึก

                             ลิขสทิ ธ์ิของมหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช
   149   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159