Page 157 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 157

การ​พัฒนา​แบบย​ ั่งยืน​กับจ​ ริยธรรม​ต่อ​สิ่ง​แวดล้อม 12-27

เด็ด​ขาด​นั้น​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ใน​แง่​ของ​กฎ​ทาง​ฟิสิกส์​ที่​เรียก​ว่า “กฎ​เท​อร์​โม​ได​นา​มิค” (thermodynamic rules)3 นัก
​สิ่ง​แวดล้อม​นิยม​บาง​คน​ได้​โต้​แย้ง​ว่า การ​แยก​ออก​จาก​กัน​เป็น​เงื่อนไข​ที่​จำเป็น แต่​ไม่​เพียง​พอ​สำหรับ​เศรษฐกิจ​เขียว
และ​เสนอใ​ห้​คง “ขนาด” ซึ่งไ​ด้แก่​ขนาด​ของ​ผลผลิตท​ างเ​ศรษฐกิจ อัตรา​การเ​ปลี่ยนแปลงข​ องผ​ ลผลิต และ​ระดับ​และ​
อัตรา​การเ​ปลี่ยนแปลงป​ ระชากรของ​เศรษฐกิจหรือ​ให้​ลด​ขนาด​ลง

       เทอ​ ร์​เนอร​ ์ (Turner, et. al., 1994) ได้แ​ ยกแ​ นวคิด​หรือ​จริยธรรม​ต่อส​ ิ่ง​แวดล้อม​ที่ท​ ำให้​เกิดแ​ นวคิดใ​น​การ​
พัฒนาแ​ บบย​ ั่งยืนใ​นร​ ะดับท​ ี่ต​ ่างก​ ัน ออกเ​ป็น 2 กลุ่มห​ ลัก คือ กลุ่มท​ ี่น​ ิยมเ​ทคโนโลยี​เป็นศ​ ูนย์กลาง (technocentrism)
ซึ่งเ​กี่ยวข้องก​ ับแ​ นวคิดจ​ ริยธรรมท​ ีย่​ ึดม​ นุษยเ์​ป็นศ​ ูนย์กลาง และก​ ลุ่มท​ ีน่​ ิยมร​ ะบบนิเวศเ​ป็นศ​ ูนย์กลาง (ecocentrism)
ซึ่ง​เกี่ยวข้อง​กับแ​ นวคิด​จริยธรรมท​ ี่​ยึดส​ ิ่ง​ที่​ไม่ใช่ม​ นุษย์​เป็นศ​ ูนย์กลาง ดัง​แสดง​ไว้​ใน​ตารางท​ ี่ 12.2.1

       ในก​ ลุ่ม​ที่เ​น้น​เทคโนโลยี​เป็นศ​ ูนย์กลาง (technocentric) กลุ่มผ​ ู้​ที่​มีแ​ นวคิดเ​ห็น​ด้วยก​ ับเ​ทคโนโลยี​อย่างส​ ุด​
ขั้ว (cornucopian technocentrism) จะไ​ม่​ต้องการ​เห็น​ข้อจ​ ำกัดท​ ี่​จะ​เกิด​กับ​ผู้บ​ ริโภคห​ รือ​เกิด​ขึ้นใ​น​ตลาด แนวคิด​
นี้จ​ ะ​สนับสนุนป​ รัชญา​ของ “ตลาด​เสรี​ที่ป​ ลอด​จาก​การแ​ ทรกแซง” (an unfettered free market) และผ​ สม​กับค​ วาม​
เชื่อ​มั่น​ใน​อำนาจ​ของ​เทคโนโลยี​ที่จ​ ะ​เอาชนะ​ปัญหา​ใดๆ เกี่ยว​กับ “ข้อ​จำกัด​ทาง​สิ่ง​แวดล้อม” หรือ​ใน​อีก​นัย​หนึ่ง การ​
แยก​ออก​จาก​กัน (decoupling) ระหว่าง​กิจกรรม​ทาง​เศรษฐกิจ​และ​ผลก​ระ​ทบ​ต่อ​สิ่ง​แวดล้อม​เป็น​สิ่ง​ที่​เป็น​ไป​ไม่​ได้
ผล​ของ​แนวคิด​นี้​ต่อ​การพ​ ัฒนา​แบบย​ ั่งยืน ก็​คือ ความ​ยั่งยืน​ด้าน​สิ่ง​แวดล้อม​จะ​อยู่​ใน​ระดับท​ ี่​อ่อน​มาก (very weak
sustainability) และ​เป็น​แนวคิด​ที่ไ​ม่​เห็น​ด้วย​กับเศรษฐกิจเ​ขียว

       แนวคิด​ที่​ลด​ระดับ​ความ​เชื่อ​มั่น​ใน​เทคโนโลยี เมื่อ​เปรียบ​เทียบ​กับ​กลุ่ม​แรก ได้แก่ กลุ่ม​แนวคิด​ที่​เรียก​ว่า
แนวคิดท​ ี่ย​ อมรับเ​ทคโนโลยี (accommodating technocentrism) กลุ่มแ​ นวคิดน​ ี้จ​ ะเ​ห็นด​ ้วยก​ ับป​ ระเด็นท​ ี่ว​ ่า ตลาด​
เสรีม​ ีผ​ ลกร​ ะท​ บใ​นท​ างท​ ี่เ​ป็นป​ ระโยชน์ต​ ่อส​ ิ่งแ​ วดล้อม หากป​ ัจเจกบุคคลม​ ีค​ วามค​ ิดแ​ ละก​ ารกร​ ะท​ ำท​ ี่เ​ป็นส​ ีเ​ขียว ดังน​ ั้น
ผู้บ​ ริโภค​เขียว (green consumers) ผู้ล​ งทุนเ​ขียว (green investors) พลเมือง​เขียว (green citizens) และล​ ูกจ้าง​
เขียว (green employees) จึงเ​ป็นพ​ ลังส​ ำคัญ (powerful agents) ในเ​ศรษฐกิจเ​ขียว (green economy) ในแ​ นวคิด​
นี้ การแ​ ยกอ​ อกจ​ ากก​ ัน (decoupling) เป็นส​ ิ่งท​ ีเ่​ป็นไ​ปไ​ด้ แตก่​ ย็​ ังม​ ขี​ ้อจ​ ำกัดท​ างส​ ิ่งแ​ วดล้อมอ​ ยู่ เช่น การค​ งไ​วซ้​ ึ่งร​ ะบบ​
สนบั สนนุ ช​ วี ติ หรอื ศ​ กั ยภาพใ​นก​ ารด​ ดู ซ​ บั ข​ องเ​สยี และก​ ารเ​ปลีย่ นแปลงข​ นาดข​ องเ​ศรษฐกจิ เปน็ ส​ ิง่ จ​ ำเปน็ หากต​ อ้ งการ​
ให้​เศรษฐกิจ​ดำเนินก​ าร​ไปอ​ ย่าง​ยั่งยืน ทรัพยากร​บางส​ ่วน ที่เ​รียก​ว่า ทุน​ธรรมชาติใ​น​ระดับ​วิกฤต (a critical natural
capital) จะ​ต้องไ​ด้​รับก​ ารอ​ นุรักษ์ไ​ว้​อย่างเ​ข้ม​งวด โดยย​ อม​เสีย​กิจกรรม​ด้านก​ าร​พัฒนา​ไปบ​ ้าง เพื่อส​ ่งม​ อบ​ต่อใ​ห้ค​ น​
รุ่น​ต่อไ​ปโ​ดยไ​ม่​ลดน​ ้อย​ลง ทรัพยากรส​ ่วน​อื่นท​ ี่​เป็น​ทุน​ธรรม​ชา​ติอ​ ื่นๆ สามารถ​นำ​มา​ใช้ เนื่องจากม​ ีค​ วามเ​ป็นไ​ป​ได้​ใน​

	 3 กฎ​เท​อร์​โม​ได​นา​มิค อธิบาย​ถึง​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​เศรษฐกิจ​และ​สิ่ง​แวดล้อม​ตาม​ตัว​แบบ​ความ​สมดุล​ทาง​วัตถุ (the materials
balance model) (ภาพท​ ี่ 12.3 ในต​ อนท​ ี่ 12.1) กล่าวค​ ือใ​นต​ ัวแ​ บบน​ ี้ ระบบเ​ศรษฐกิจ คือ ระบบข​ องก​ ารนำว​ ัตถจุ​ ากส​ ิ่งแ​ วดล้อมม​ าผ​ ่านก​ ระบวนการ​
ผลิตแ​ ละ​การแ​ ปลง​สภาพว​ ัตถุ​ให้เ​ป็นผ​ ลผลิตท​ ี่​เป็น​สินค้า​หรือบ​ ริการ ระบบเ​ศรษฐกิจ​จะน​ ำ​วัตถุ​ที่ “เป็น​ประโยชน์” เช่น ทรัพยากรท​ ี่เ​กิดท​ ดแทน​ไม​่
ได้ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน​ดิบ ที่ส​ ามารถ​ขุด​ขึ้นม​ า​ใช้​จนห​ มด​สต็​อก และ​ทรัพยากร​ที่​เกิดท​ ดแทน​ได้ เช่น สัตว์น​ ้ำ​และ​ป่า​ไม้ ก็​สามารถ​จับห​ รือ​ตัดม​ าใ​ช​้
ประโยชน์ไ​ด้ และน​ ำม​ าผ​ ่านก​ ระบวนการเ​ปลี่ยนแปลงต​ ่างๆ ในส​ ภาพข​ องพ​ ลังงานแ​ ละป​ ระโยชน์ (energy and entropy states) ของว​ ัตถุเ​หล่าน​ ั้น
เมื่อเ​วลาผ​ ่าน​ไปผ​ ลผลิตท​ ี่​ไม่ใช่​สินค้า​หรือ​บริการ (the non-product output) ของ​ระบบเ​ศรษฐกิจ ก็​สามารถน​ ำม​ าร​ ีไซเคิลโ​ดย​ส่วนท​ ี่ไ​ม่ส​ ามารถ​
รีไซเคิล​ต่อ​ไป​จะ​กลาย​เป็น​วัตถุ​ที่​เป็น​ของ​เหลือ​ที่ “ไม่​เป็น​ประโยชน์” หรือ ของ​เสีย (wastes) ที่​ทิ้ง​กลับ​ไป​ใน​สิ่ง​แวดล้อม เช่น ของ​เสีย​ที่​เป็น​ขยะ​
หรือน​ ้ำเ​สีย ก็ท​ ิ้งล​ งบ​ นด​ ินห​ รือใ​นน​ ้ำ ควันจ​ ากโ​รงงานก​ ็ป​ ล่อยท​ ิ้งใ​ปใ​นอ​ ากาศ วัตถุท​ ี่น​ ำเ​ข้าม​ าใ​ช้ใ​นร​ ะบบเ​ศรษฐกิจใ​นค​ รั้งแ​ รกจ​ ะไ​ม่ไ​ด้ถ​ ูกท​ ำลายโ​ดย​
กิจกรรมใ​นก​ ารผ​ ลิตแ​ ละก​ ารบ​ ริโภค แต่จ​ ะถ​ ูกน​ ำม​ าแ​ ยกส​ ลายแ​ ละเ​ปลี่ยนแปลงท​ างเ​คมี วัตถุเ​หล่าน​ ี้จ​ ะอ​ ยู่ใ​นส​ ภาพข​ องว​ ัตถุท​ ี่ “เป็นป​ ระโยชน์” (low
entropy state) และ​ออก​ไปจ​ าก​ระบบ​ในส​ ภาพ​ของว​ ัตถุท​ ี่ “ไม่​เป็น​ประโยชน์” (high entropy state) เช่น การใ​ห้​ความ​ร้อน​ในอ​ ุณหภูมิ​ที่​ต่ำ หรือ​
ขยะ​จาก​บ้าน​เรือน นั่น​หมาย​ถึง สภาพ​ของ​ประโยชน์ (entropy) มี​คุณสมบัติ​ที่​แน่นอน​ที่​สภาพ​ของ​ประโยชน์​จะ​สูง​ขึ้น​ใน​กระบวนการ​ที่​นำ​กลับ​คืน​
มา​ไม่​ได้ (any irreversible process) เมื่อส​ ภาพข​ องป​ ระโยชน์​สูงข​ ึ้น สภาพข​ อง​พลังงาน​ใน​ระบบเ​ศรษฐกิจก​ ็จ​ ะน​ ำ​มาใ​ช้​ประโยชน์​ได้​ลดล​ ง ดัง​นั้น
กระบวนการร​ ีไซเคิลว​ ัตถุ​จึงไ​ม่​สามารถ​ทำได้อ​ ย่างม​ ี​ประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซนต์ (Ayres and Kneese, 1989)	

                              ลขิ สิทธิ์ของมหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช
   152   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162