Page 158 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 158
12-28 พฤติกรรมม นุษย์แ ละจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธ ุรกิจ
การทดแทนระหว่างทุนธรรมชาติประเภทต่างๆ หรือระหว่างทุนธรรมชาติและทุนทางกายภาพและทุนมนุษย์ กฎของ
“ทุนค งที่” (constant capital rules) เป็นส ิ่งส ำคัญในก ารพ ัฒนาแ บบย ั่งยืน แนวคิดน ี้จึงเป็นแนวคิดข องค วามย ั่งยืน
อย่างอ ่อน (weak sustainability)
ในความเป็นจ ริง แนวคิดต่างๆ เหล่านี้ มีค วามคาบเกี่ยวก ัน คือ ระดับค วามเขียวต่างก ัน เช่น เขียวเข้ม เขียว
อ่อน เป็นต้น ความแตกต่างในระดับแนวคิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในความคิดของบุคคล ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และ
บริบทที่ศึกษา สำหรับแนวคิดในกลุ่มที่นิยมระบบนิเวศน์เป็นศูนย์กลาง (ecocentrism) ได้แก่ กลุ่มแนวคิดที่เรียก
ว่า “communalist ecocentrism” ซึ่งส นับสนุน “เศรษฐกิจเขียวเข้ม” (a deep green economy) แนวคิดนี้โต้แย้ง
ว่า ระดับข องขนาดของเศรษฐกิจไม่ค วรจ ะล ดล ง แต่ก็ไม่ค วรให้เพิ่มข ยายใหญ่ขึ้น ความค ิดห ลัก คือ การจ ำกัดข นาด
ที่เป็นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นศูนย์ (zero economic growth) และการเพิ่มป ระชากรเป็นศูนย์ (zero
population growth) เพื่อส ร้าง “เศรษฐกิจท ี่ม ีส ภาพการณ์ที่คงตัว” (the steady-state economy) การแ ยกอ อก
จากกัน (decoupling) ได้ร ับการสนับสนุน แต่ต้องเป็นไปในลักษณะที่ต้องกำจัดก ารเพิ่มข ึ้นของขนาดในอนาคตของ
เศรษฐกิจ แนวคิดน ี้ม องค วามย ั่งยืนด้านสิ่งแ วดล้อมเป็นค วามยั่งยืนที่เข้มข้น (strong sustainability)
แนวคิดก ลุ่มสุดท้าย คือ แนวคิดที่เรียกว่า นิเวศวิทยาเชิงล ึก (deep ecology) ที่สนับสนุนเศรษฐกิจเขียว
เข้มข้นมาก แนวคิดนี้ได้พิจารณาขยายกลุ่มที่เกี่ยวข้องด้านคุณธรรมให้ครอบคลุมถึงผลประโยชน์และสิทธิของ
ธรรมชาติที่ไม่ใช่ม นุษย์ ได้แก่ สิทธิข องส ัตว์ พืช และรวมถึงสิทธิของระบบน ิเวศน์ แนวคิดที่แตกต ่างอ ย่างมากน ี้ เกิด
ขึ้นเนื่องจากธรรมชาติที่ไม่ใช่มนุษย์ ทั้งที่สามารถรับรู้ และไม่สามารถรับรู้ ต่างมีคุณค่าในตัวของตัวเอง (intrinsic
value) ดังน ั้น การร ับรองส ิทธิของธ รรมชาติที่ไม่ใช่มนุษย์ จึงทำให้ค วามโลภของปัจเจกบุคคลต้องถ ูกจ ำกัด เนื่องจาก
ความโลภน ีท้ ำใหเ้กิดต ้นทุนต ่อธ รรมชาตทิ ีไ่ม่ใชม่ นุษย์ แนวคิดน ีจ้ ึงม องว ่าม นุษยจ์ ะต ้องเป็นผ ู้นำในฐ านะท ีเ่ป็นต ัวแทน
ของโลกใบน ี้ (stewardship on behalf of the planet itself) หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “ไกอานิยม” (Gaianism)
ไกอาน ิยม เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงม าจ ากสมมติฐานท างว ิทยาศาสตร์ไกอ า (the scientific Gaia hypothesis) ที่ต ีพ ิมพ์
ครั้งแ รกใน ค.ศ. 1972 ซึ่งเป็นการแ สวงหาค ำอ ธิบายถ ึงก ารอ ยู่ร อดข องช ีวิตบ นโลกม าน านน ับพ ันปีโดยก ำหนดให้ช ีวิต
และส ิ่งแวดล้อมโลกเป็นส่วนประกอบ 2 ส่วนในร ะบบเดียวกัน (Lovestock, 1988; Watson, 1991) ระบบไกอา ได้มี
การพัฒนาข ึ้นจนก ระทั่งสามารถกำกับดูแลแ ละซ ่อมแซมตนเองได้ การก ำกับด ูแล หมายถ ึง ชีวิตมีความต ื่นต ัวในการ
คงสิ่งแวดล้อมโลกให้เหมาะกับช ีวิตที่จะดำรงอ ยู่ต่อไป ถ้าไกอาถ ูกท ำให้ข าดค วามสมดุล โดยกิจกรรมข องม นุษย์และ
การป ลอ่ ยท ิง้ ข องเสยี กจ็ ะม กี ารซ อ่ มแซมต นเอง แตก่ ระบวนการซ อ่ มแซมน ัน้ เปน็ เพยี งก ารป ระกนั ก ารอ ยรู่ อดข องร ะบบ
และไม่ใช่ก ารอยู่ร อดข องประเภทใดประเภทหนึ่งซึ่งรวมถ ึงมนุษย์ ดังนั้น ไกอานิยม (Gaianism) เป็นการส นับสนุน
ภ าพร วมข องร ะบบแ ละต ้องการ “มาตรฐาน” ทางส ิ่งแ วดล้อมให้ค รอบคลุมป ระเภทห รือช นิดแ ละก ระบวนการท ี่ส ำคัญ
รวมไปถ ึง เขตอ นุรักษ์ เช่น วนอุทยานแ ห่งช าติ เขตพ ื้นที่ส ีเขียว และว ิธีก ารในก ารป ล่อยท ิ้งข องเสียท ี่เป็นข ยะ ควัน และ
น้ำเสีย เป็นต้น แนวคิดน ี้สะท้อนให้เห็นในจ ริยธรรมต่อแ ผ่นดินของลีโอโปลที่ได้อธิบายไว้แล้ว
ดังนั้น โดยสรุป แนวคิดนิเวศน์เชิงลึกนี้เห็นว่า จะต้องเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ให้เป็นร ะบบที่ “ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด” กล่าวค ือ ส่งผลกระท บด ้านสิ่งแ วดล้อมให้น ้อยที่สุดต่อแ หล่งท รัพยากรแ ละ
แหล่งรองรับของเสีย การเปลี่ยนแปลงนี้จ ะทำได้โดยการลดระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในทางลบ
ด้านการผลิต และก ารล ดระดับป ระชากร ซึ่งห มายถ ึง การล ดข นาดข องระบบเศรษฐกิจ แนวคิดนี้นำไปสู่แนวคิดการ
พัฒนาแ บบย ั่งยืนที่เป็นความย ั่งยืนท ี่เข้มข้นมาก (very strong sustainability)
ลิขสิทธิ์ของมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช