Page 166 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 166
12-36 พฤติกรรมม นุษย์และจ ริยธรรมท างเศรษฐกิจและธ ุรกิจ
ชือ่ เสยี งข องบ รษิ ทั อ ยา่ งม ากแ ละน ำไปส กู่ ารกล า่ ว หาฟ อ้ งร อ้ งว า่ เปน็ การห ลอกล วง (charges of hypocrisy) ของบ รษิ ทั 7
ในก รณขี องก ารห ลอกล วงแ ละค วามไมจ่ ริงใจข องบ ริษัทโดยใชโ้ปรแกรม CSR บังหน้า อาจจ ะต ้องอ าศัยก ารก ำกับด ูแล
และบ ังคับใช้ก ฎหมายข องร ัฐบาลแ ละร ะหว่างป ระเทศ มากกว่าป ล่อยให้เป็นม าตรการค วามส มัครใจจ ากบ ริษัทในภ าค
ธุรกิจอ ุตสาหกรรม ในก ารส ร้างค วามมั่นใจว ่าบ ริษัทจ ะมีพ ฤติกรรมในลักษณะท ี่มีค วามร ับผิดชอบต่อส ังคม
2.3 ปัจจัยที่เกิด CSR สาเหตุที่ก่อให้เกิดแนวคิด CSR ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมนั้น มาจากหลายปัจจัย
ได้แก่
1) การบริโภคเชิงจริยธรรม (ethical consumerism) เป็นแนวคิดในการบริโภคที่เกิดขึ้นในช่วง 2
ทศวรรษที่ผ่านมา จากการที่ประชากรโลกมีจำนวนมากขึ้น และการนำทรัพยากรธรรมชาติมาผลิตเพื่อตอบสนองต่อ
ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นก็มีข้อจำกัดมากขึ้น (Grace and Cohen, 2005: 147) การขยายตัวของ
ภาคอุตสาหกรรมในประเทศกำลังพัฒนาได้อาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการขยายตัวของตลาดภายใน
ประเทศแ ละต ลาดโลกภ ายใต้ก ระแ สโลกาภ ิว ัตน ์ จากข ้อจ ำกัดด ้านท รัพยากรธรรมชาติแ ละค วามเสียห ายท ี่เกิดข ึ้นก ับ
สิ่งแ วดล้อมและผ ลกร ะท บต ่อส ุขภาพข องค นจ ากก ารพ ัฒนาอ ุตสาหกรรม ทำให้ผู้บ ริโภคเริ่มต ระหนักแ ละเข้าใจถ ึงผ ล
กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมจากการตัดสินใจในการบริโภคประจำวันของตนเอง และหันมาตัดสินใจซื้อสินค้า
และบ ริการโดยค ำนึงถึงส ิ่งแ วดล้อมและจ ริยธรรม อย่างไรก ็ตาม แนวคิดนี้ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นแ ละอยู่ในวงจำกัด
ของผ ู้บริโภคเท่านั้น
2) โลกาภ วิ ตั นแ์ ละอ ำนาจตลาด (globalization and market forces) จากการข ยายธ ุรกิจภายใต้ก ระแส
โลกาภ วิ ัตน ์ บรรษัทต ่างๆ ได้ป ระสบก ับค วามท ้าท ายใหม่ๆ ทีจ่ ำกัดก ารข ยายต ัวแ ละโอกาสในก ารท ำก ำไร ความท ้าทาย
เหล่าน ี้ อยู่ในรูปข องก ารเข้ามากำกับด ูแล (regulation) พฤติกรรมในก ารด ำเนินงานข องภาคธุรกิจอุตสาหกรรมจาก
ภาครัฐ การจ ัดเก็บภาษีศ ุลกากร การควบคุมและสั่งก าร (command and control) ด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐ และการ
กำหนดม าตรฐานด ้านแรงงานเพื่อป้องกัน “การขูดรีดแรงงาน” ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดต้นทุนจำนวนนับล้าน
เหรยี ญส หรัฐต อ่ อ งคก์ ร บางบ รษิ ัทจ งึ ม องป ระเดน็ ท างจ รยิ ธรรมว ่าเปน็ อ ปุ สรรคท ีม่ ตี น้ ทนุ ส ูง ในข ณะท ีบ่ างบ รษิ ัทส มัคร
ใจเลือกใช้วิธีการ CSR เป็นก ลยุทธ์เพื่อการสนับสนุนจ ากสาธารณะในก ารเข้าไปดำเนินธ ุรกิจในต ลาดโลก ช่วยท ำให้
บริษัทสามารถคงความได้เปรียบในการแข่งขัน การมีส่วนช่วยเหลือสังคมภายใต้โปรแกรม CSR จึงเท่ากับเป็นการ
โฆษณาธุรกิจของบ ริษัทท างอ้อมได้ (Fry, Keim, Meiners, 1986: 105)
7 การป ระกาศก ารล ดเกรดไฮโดรคาร์บอนส ำรองข องก ลุ่มร อยัล ดัทช์ เชลล์ (The Royal Dutch Shell Group) ทำให้เกิดค วามไมพ่ อใจ
อยา่ งม ากจ ากผ ถู้ อื ห ุน้ นกั ว เิ คราะหท์ างการเงนิ และในก ารร ายงานข า่ วข องส ือ่ ต า่ งๆ คณะก รรมการต ลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ส หรฐั (The U.S. Securities
and Exchange Commission: SEC) หลังจากการประกาศการจ ัดป ระเภทไฮโดรคาร์บอนส ำรองใหม่ ยอมรับว ่าส ่วนแบ่งท ี่สำคัญของก ารส ำรอง
น้ำมันแ ละก ๊าซท ี่แ จ้งแ ละร ับรองว ่าม อี ยูไ่ว้ก ่อนน ั้น ไม่เป็นไปต ามข ้อก ำหนดในก ารร ับรองภ ายใต้ก ฎหมายข องส หรัฐ คณะก รรมการต ลาดหลักทรัพย์
แห่งส หรัฐได้ม ีค ำส ั่งว ่าด ้วยก ารส ิ้นส ุดแ ละก ารเลิกข องต ลาดหลักทรัพย์แ ห่งส หรัฐ เมื่อ 24 สิงหาคม 2004 (The U.S. Securities and Exchange
Cease and Desist Order of 24 August 2004) ว่าบริษัทเชลล์ได้ร ายงานไว้ในแ บบฟอร์ม 20-F ในปี ค.ศ. 2002 เกี่ยวกับปริมาณการส ำรอง
ที่ได้ร ับการร ับรองเกินจากท ี่เป็นจริงไป 4.47 พันล้านบาร์เรลข องน ้ำมันเทียบเท่า (Barrels of oil equivalent–boe) หรือประมาณร ้อยละ 23 %
และยังได้แจ้งไว้ในแบบฟอร์มดังกล่าวเกินความเป็นจริงเกี่ยวกับมาตรการมาตรฐานด้านเงินสดหมุนเวียนในอนาคตเกินไปประมาณ 6.6 พันล้าน
เหรียญส หรัฐ ผลจากคำส ั่งน ี้ ทำให้ผ ู้บริหารระดับสูงต ้องล าออกจ ากต ำแหน่งและห ัวหน้าฝ ่ายสำรวจแ ละผ ลิตและห ัวหน้าฝ่ายการเงินต้องออกจ าก
งานไป บริษัทถ ูกล ดอันดับค วามน่าเชื่อถ ือล งจ ากอันดับ AAA ที่เคยได้รับจ ากส แตนดาร์ดแ อนด์พัวร์ (Standard & Poor’s rating) มาเป็นเวลา
14 ปี รวมทั้งบ ริษัทย ังถ ูกปรับโดยส ถาบันก ำกับทางการเงินของสหราชอ าณาจักร ที่เรียกว ่า the Financial Services Authority (the FSA) เป็น
เงิน 17 ล้านป อนด์ ในก ารแจ้งเท็จเกี่ยวกับการส ำรองน ้ำมันในช่วง ค.ศ. 1998–2003 และ SEC ก็ปรับบ ริษัทเชลล์เช่นกันเป็นจำนวนเงินประมาณ
70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งร วมเป็นเงินค ่าปรับจากทั้ง 2 สถาบันก ารเงินในสหรัฐแ ละส หราชอ าณาจักร ทั้งสิ้นประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน
ปี ค.ศ. 2006 บรษิ ัทเชลลไ์ดถ้ ูกฟ ้องร ้องเรยี กค ่าเสยี ห ายจ ากก ลุม่ ก องทนุ บ ำเหน็จบ ำนาญด ทั ช์ (Dutch pension funds) ทถี่ ือห ุ้นข องบ ริษัทป ระมาณ
5% ในก รณีเดียวกัน
ลิขสทิ ธ์ขิ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช