Page 167 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 167
การพัฒนาแ บบย ั่งยืนกับจ ริยธรรมต่อส ิ่งแวดล้อม 12-37
3) การปลูกจิตสำนึกทางสังคมและการศึกษา (social awareness and education) บทบาทข องผ ู้มีส่วน
ได้ส่วนเสียกับบรรษัท คือ การรวมกลุ่มกันเพื่อกดดันบรรษัทให้มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่มีความ
รับผ ิดช อบต ่อส ังคม (socially responsible investing) สามารถก ดดันใหบ้ รรษัทต ้องด ำเนินก ารท ีม่ คี วามร ับผ ิดช อบ
ต่อสังคมได้ องค์กรพัฒนาเอกชน (non-government organizations) ก็มีบทบาทท ี่สำคัญเช่นกัน รวมท ั้งสื่อต่างๆ
และอินเทอร์เน็ต ก็มีบทบาทเพิ่มขึ้นในการตรวจสอบพฤติกรรมของบรรษัท การพัฒนาของชุมชนโดยผ่านโครงการ
การศึกษาและการพูดคุยสาธารณะ (dialogue) ในการทำให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต้องมีความรับผิดชอบต่อชุมชน
ก็ม ีเพิ่มขึ้นเช่นก ัน (Roux, 2007)
4) การฝ กึ อ บรมด า้ นจ รยิ ธรรม (ethics training) การเพิ่มก ารฝ ึกอ บรมด ้านจ ริยธรรมภ ายในบ รรษัท ซึ่ง
ในบางแห่งเป็นข้อกำหนดของรัฐบาล เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงพ ฤติกรรมและวัฒนธรรมก ารดำเนินง าน
ของบรรษัท เป้าหมายของการฝึกอบรมนี้ คือ การช่วยพนักงานให้ตัดสินใจด้วยจริยธรรมเมื่อมีคำตอบที่คลุมเครือ
(grey areas) ทัลเบอร์ก (Tullberg) เชื่อว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยศักยภาพในการหลอกลวง (cheat) และการ
ยักย้ายถ่ายเท (manipulate) ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้คุณค่าและบทบาทที่เป็นบรรทัดฐานของพฤติกรรม
ของมนุษย์ (Tullberg, 1996) ประโยชน์ทางตรงส่วนใหญ่ของการฝึกอบรมด้านจริยธรรม คือ การลดโอกาสการ
เกิด “มือเปื้อน” (dirty hands) การจ ่ายค ่าปรับ และค วามเสียห ายต ่อช ื่อเสียงข ององค์กรในก ารท ำผิดกฎหมายห รือ
ป ทัสฐ านค ุณธรรม (Grace and Cohen, 2005) ประโยชนท์ างอ ้อม คือ การไดร้ ับค วามภ ักดแี ละค วามภ ูมิใจในอ งค์กร
จากพ นักงานมากข ึ้น บริษัทแ คทเทอร์พิลลาร์ (Caterpillar) และบ ริษัทเบสท์บ าย (Best Buy) เป็นองค์กรตัวอย่างใน
กรณีน ี้ (Thilmany, 2007) การฝึกอ บรมด้านจริยธรรมก ำลังได้รับความส นใจจากบ รรษัทต่างๆ เพิ่มข ึ้นในการแ สดง
ให้เห็นถ ึงนโยบายแ ละกิจกรรมด ้าน CSR อย่างเป็นรูปธ รรม
5) กฎหมายแ ละก ารก ำกบั ด แู ล (laws and regulation) เป็นป ัจจัยส ำคัญอ ีกป ระการห นึ่งในก ารท ำให้เกิด
CSR ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำให้ภาคธุรกิจต้องประกอบการอย่างมีความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามการเข้ามากำกับดูแล
โดยรัฐบาล ก็มีปัญหาหลายประการ กล่าวค ือ การกำกับด ูแลโดยตัวข องมันเองไม่สามารถครอบคลุมทุกรายล ะเอียด
ของก ารด ำเนนิ ก ารข องบ รรษทั ทำใหเ้ กดิ ก ระบวนการท างก ฎหมายท กี่ ลายเปน็ ภ าระจ ากก ารต คี วามข อ้ ก ฎหมายแ ละก าร
ถกเถียงก ันในเรื่องท ีไ่มช่ ัดเจน (Sacconi, 2004) ดังก รณตี ัวอย่างข องบ ริษัทเจนเนอร ัล อเิล็กท ริค (General Electric
Co.) ทลี่ ม้ เหลวในก ารท ำความส ะอาด (clean up) แมน่ ำ้ ฮ ดั ส นั (the Hudson River) หลงั จ ากท ไี่ ดป้ ลอ่ ยม ลพษิ น ำ้ เสยี
จากโรงงานล งไปในแ ม่น้ำ บริษัทย ังค งต ่อสู้อ ยู่ในก ระบวนการท างก ฎหมายในแ ง่ข องก ารพ ิสูจนว์ ่าใครต ้องเป็นผ ู้รับผ ิด
ชอบค ่าเสียห ายท ีเ่กิดข ึ้น ในข ณะท ีก่ ารท ำความส ะอาดแ ม่น้ำย ังค งอ ยูน่ ิ่งไม่มใีครท ำอ ะไร (Sullivan & Schiafo, 2005)
ประเด็นต ่อม า คือ ภาระท างการเงินท ีจ่ ะเกิดข ึ้นต ่อเศรษฐกิจข องป ระเทศจ ากก ารก ำกับด ูแล เช่น กรณขี องอ อสเตรเลีย
ที่ร ัฐบาลได้ห ลีกเลี่ยงจ ะปฏิบัติต ามพิธีส ารเกียว โต (Kyoto Protocal) ใน ค.ศ. 1997 เนื่องจากข ้อกังวลถ ึงความส ูญ
เสียท างเศรษฐกิจแ ละผ ลป ระโยชน์ข องป ระเทศ ซึ่งรัฐบาลอ อสเตรเลียมีจ ุดยืนว ่าการลงน ามในพ ิธีส ารเกียว โตจ ะท ำให้
เกิดค วามส ูญเสียท างเศรษฐกิจอ ย่างสำคัญสำหรับอ อสเตรเลียมากกว่าป ระเทศอื่นในกลุ่ม OECD (Bulkeley, 2001:
436) อย่างไรก ็ตาม เมื่อม ีก ารเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2007 นายกรัฐมนตรี เคว ิน รัดด์
(Kevin Rudd) ได้ลงนามรับรองพิธีสารเกียวโตทันทีที่ได้เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 2007 ก่อนการ
ประชุมว ่าด้วยก รอบของก ารเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศข ององค์การส หประชาชาติ (the UN Framework Convention
on Climate Change) ในส่วนข องร ัฐสภาของเดนมาร์กได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับ CSR เมื่อ วันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.
2008 ที่ก ำหนดให้บรรษัทใหญ่ท ี่สุดของเดนมาร์ก 1,100 บริษัท บรรษัทข ้ามช าติในป ระเทศ และรัฐวิสาหกิจ ต้องทำ
รายงานทางการเงินประจำปีโดยให้รวมข้อมูลเกี่ยวกับความรับผิดชอบชององค์กรธุรกิจต่อสังคม (CSR) ของบริษัท
ด้วย โดยกฎหมายนี้มีผลบ ังคับใช้ตั้งแต่ว ันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2009
ลขิ สทิ ธขิ์ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช

