Page 32 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 32
8-30 พฤติกรรมมนุษย์แ ละจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
5) การอาสาสมัครช่วยเหลือชุมชน (community volunteering) เป็นกิจกรรมที่องค์กรให้การสนับสนุน
และส่งเสริมให้พนักงาน คู่ค้า หรือผู้ร่วมธุรกิจสละเวลาเพื่อช่วยเหลือกิจกรรมของชุมชนและสนองตอบต่อประเด็น
ทางสังคมท ี่องค์กรให้ค วามสนใจห รือห ่วงใย โดยลักษณะของกิจกรรมอาจเป็นกิจกรรมเดี่ยวห รือเป็นกิจก รรมท ี่ร ่วม
กับห น่วยงานอ ื่น ที่อ งค์กรอ าจเป็นผู้ก ำหนดกิจกรรมอาสาน ั้นเอง หรือให้พนักงานเป็นผ ู้เลือกกิจกรรมเองแล้วขอก าร
สนับสนุนจากบ ริษัทในร ูปของว ันห ยุดหรือวันล าเพิ่มเติม
6) การปฏิบัติทางธุรกิจที่เป็นการรับผิดชอบต่อสังคม (socially responsible business practices) เป็น
กิจกรรมที่องค์กรเป็นผู้กำหนดข้อปฏิบัติที่ทั้งเป็นการป้องกันและหลีกเลี่ยงประเด็นที่จะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม
หรือเป็นการเยียวยาปัญหาทางสังคมนั้น เช่น การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ที่องค์กรอาจดำเนินการเองหรือร่วมมือกับ
หน่วยงานอื่นก ็ได้
กิจกรรมในข้อ 1) – 3) เป็นกิจกรรมที่เกิดจากแรงขับภายนอกหรือจากสังคมหรือเป็นการใช้ทรัพยากรจ าก
ภายนอกหรือที่เรียกว่า Social – driven CSR ขณะที่ข้อ 4) - 6) เป็นกิจกรรมที่เกิดจากแรงขับภายในองค์กรหรือ
เป็นการด ำเนินกิจกรรมท ี่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ภายในองค์กรหรือที่เรียกว่า Corporate – driven CSR
4. ประโยชนข์ อง CSR
ความรับผิดชอบขององค์กรธุรกิจต่อสังคมอาจจะอยู่ในรูปของจิตสำนึก มโนธรรมและจริยธรรม และหาก
มีการแปลงรูปออกมาเป็นกิจกรรมก็อาจเกิดเป็นต้นทุนเพิ่มของบริษัทได้ บางครั้งจึงถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งที่ก่อให้
เกิดผ ลป ระโยชน์ต ่อบ ริษัทในร ะยะย าว โดยผ ลป ระโยชน์ท ี่บ ริษัทได้ร ับอ าจเป็นป ระโยชน์ท ี่เป็นร ูปธ รรมห รือน ามธรรม
ก็ได้ ประโยชน์ที่องค์กรธุรกิจจะได้รับที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ 1) การเพิ่มยอดขายและสัดส่วนการตลาด แม้จะยังไม่
ได้มีผลการศึกษาที่แน่ชัดว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายกับการที่บริษัทมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยตรง แต่
จากการศึกษาของ Cone/Roper Corporate Citizenship Study โดยการสำรวจผู้บริโภคใน พ.ศ. 2546/2547
พบว่าผู้ใหญ่ ร้อยละ 74 บอกว่าจะซื้อสินค้าที่มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมในประเด็นที่เขาให้ความสำคัญ ร้อยละ 66
ระบุว ่าจ ะเปลี่ยนม าซ ื้อต ราสินค ้าท ี่ร ับผ ิดช อบต ่อส ังคมในป ระเด็นท ี่เข้าส นใจ และร ้อยล ะ 62 จะเปลี่ยนม าใชบ้ ริการร ้าน
ค้าปลีกท ี่ม ีส่วนร ับผิดช อบต ่อส ังคม (อ้างใน บรรษัทบ ริบาล แปลโดย ม.ร.ว.รมณียฉัตร แก้วก ิริยา 2551) 2) ผู้ถือห ุ้น
หรือผู้เป็นเจ้าของกิจการได้ประโยชน์จากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือมีเสถียรภาพเนื่องจากเป็นที่ต้องการของนักลงทุน
3) การสร้างรายได้และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากการที่ผู้บริโภคหันมาบริโภคสินค้าและบริการที่ผลิตจากองค์กร
เพิ่มขึ้น 4) ลดค ่าใช้จ่ายข องก ิจการ เช่น การรณรงค์ให้ใช้พลังงานท ดแทน ทำให้ม ีผ ู้บ ริโภคพลังงานไฟฟ้าล ดล ง ทำให้
รัฐบาลสามารถล ดงบประมาณค ่าใช้จ่ายในการผ ลิตไฟฟ้าลง และ 5) เป็นประโยชน์ในการจัดอันดับ (rating) องค์กร
ที่ด ี และป ระโยชน์ที่อ งค์กรจะได้รับในลักษณะท ี่เป็นน ามธรรม ได้แก่ 1) ทำให้ลูกค้าย อมรับในต ราห รือย ี่ห้อส ินค้านั้น
(brand positioning) 2) พนักงานม ีค วามภ าคภ ูมิใจในก ารท ำงานร ่วมก ับอ งค์กร 3) เป็นการส ร้างภ าพล ักษณ์ท ี่ด ีให้แ ก่
องค์กร (corporate image) 4) เป็นแรงดึงดูดน ักล งทุน
ลขิ สิทธข์ิ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช