Page 102 - อาหารและโภชนบำบัด
P. 102
9-38 อาหารแ ละโภชนบำบัด
ถ้าไม่เริ่มค ัดก รองหรือควบคุม จะเข้าสู่เบาห วานเต็มข ั้น มักพบป ระวัติโรคเบาห วานในบิดา มารดา พี่น้อง เบาห วาน
กล ุ่มนี้มีอ ินซูลินสูง แต่อ อกฤทธิ์ล ดน้ำตาลไม่ได้ เพราะเซลล์ดื้อต่ออ ินซูลิน
1.3 โรคเบาหวานท่ีมีสาเหตจุ ำเพาะ (Other specific type) ได้แก่ โรคข องตับอ ่อน โรคจ ากต่อมไร้ท่อ เช่น
ธัยรอยด์ ต่อมหมวกไต หรือจากการใช้ยาที่ทำให้ร่างกายสร้างน้ำตาลมากกว่าปกติที่พบบ่อยคือ ยาสเตอรอยด์
ยาก ันช ัก ยาร ักษาโรคภ ูมิคุ้มกันบกพร่อง เบาหวานท ี่เกิดร ่วมก ับกลุ่มอ าการท างพ ันธุกรรม เช่น ธาลาสซ ีเมีย
1.4 โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes mellitus, GDM) ตรวจพบในหญิงตั้งครรภ์ เมื่อ
คลอดแ ล้วร ะดับน ้ำตาลจ ะเข้าส ูร่ ะดับป กติ แตย่ ังค งม คี วามเสี่ยงท ีจ่ ะเป็นเบาห วานในอ นาคต จึงต ้องแ นะนำใหค้ ัดก รอง
เบาหวานต ่อเนื่อง
2. การว นิ ิจฉยั โรคเบาหวาน
ค่าป กติข องน ้ำตาลในเลือดห ลังจ ากง ดอ าหารข ้ามค ืน 8 ชั่วโมง คือ 70-99 มิลลิกรัม จากเลือด 1 เดซิลิตร หลัง
อาหาร 2 ชั่วโมงม ีค ่าไม่เกิน 140 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
จากแ นวเวชป ฏบิ ตั สิ ำหรบั โรคเบาห วาน พ.ศ. 2554 ซึง่ จ ดั ท ำโดยส ำนกั งานห ลกั ป ระกนั ส ขุ ภาพแ หง่ ช าติ สมาคม
โรคเบาหวานแห่งประเทศไทย สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย และสถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการ
แพทย์ข องกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดว ิธีก ารวินิจฉัยโรคเบาหวานได้ ดังนี้
2.1 ผู้ท ม่ี ีอาการของโรคเบาห วานช ดั เจน คือ กระหายน ้ำม าก ปัสสาวะบ่อยแ ละมีปริมาณมาก น้ำหนักต ัวลด
ลงโดยไม่มีส าเหตุอ ื่นเช่นน ี้ สามารถต รวจร ะด ับพ ลาส ม่าก ลูโคส คือเจาะเลือดจ ากห ลอดเลือดด ำไดท้ ุกเวลาโดยไมต่ ้อง
อดอ าหาร หากพ บว่ามีค่าเท่ากับ 200 มิลลิกรัมต ่อเลือด 1 เดซิลิตร ให้ว ินิจฉัยว ่าเป็นเบาห วาน
2.2 ตรวจระดับพ ลาสมาก ลโู คส ตอนเช้าห ลังอดอาหารข ้ามคืนมากกว่า 8 ชั่วโมง (เรียกว่า Fasting plasma
glucose, FPG) หากพบค ่าม ากกว่าหรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัมต ่อเดซิลิตร ให้ต รวจยืนยันอ ีกค รั้งหนึ่ง ต่างว ันก ัน
2.3 ในกรณที นี่ ำ้ ตาลกอ่ นอ าหาร อยู่ร ะหว่าง 100-125 มก./ดล. มีศ ัพท์เรียกว ่า อิมแพร์ฟาสติงกลูโคส (IFG)
หรือน ้ำตาลหลังอาหารอยู่ร ะกว่าง 140-199 มก./ดล. เรียกอ ิมแพร์ก ลูโคสโทเลอรานส์ (IGT) ทั้ง 2 กลุ่ม รวมเรียกว่า
พรีไดอะบ ิติส เมล ลิตัส (pre-diabetes mellitus) ซึ่งจ ะม ีโอกาสกลายเป็นเบาหวานร้อยละ 11 ทุกป ี
บางร ายมี ไอ.เอฟ.จี ( IFG) จึงต้องนำม ายืนยันว ่าหลังอาหารจะมีน ้ำตาลเพิ่มเท่าไร จึงต ้องทดสอบความท น
น้ำตาล เรียกว่า 75 กรัม ออราล กลูโคส โทเลอรานส ์ เทสต์ (Oral glucose tolerance test, OGTT) ให้ผ ู้ถูกทดสอบ
ดื่มส ารละลายกลูโคส 75 กรัม แล้วเจาะเลือด 1 ชั่วโมง และ 2 ชั่วโมงห ลังจากน ั้น หากได้ผลม ากกว่าห รือเท่ากับ 200
มก./ดล. ให้ถือว่าเป็นเบาห วาน
เพื่อให้เข้าใจง่าย ควรดูต ารางที่ 9.4 เปรียบเทียบระดับน้ำตาลของคนปกติ ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ม ีอ าการ
ของโรคเบาห วาน
ลขิ สิทธขิ์ องมหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช