Page 214 - อาหารและโภชนบำบัด
P. 214
13-18 อาหารแ ละโภชนบำบัด
ประเภทแรก ได้แก่ เนื้อส ัตว์บด เช่น หมูบด ไก่บด เนื้อปลาข ูด ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อ ฯลฯ
ประเภทท ่ีสอง ได้แก่ เนื้อสัตว์ท ั่วไป เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ และเนื้อปลา หมูยอ ทอดมัน ฯลฯ
ประเภทท สี่ าม ได้แก่ ขนมจากแป้ง เช่น ทับทิมก รอบ รวมมิตร ลอดช่อง แป้งกรุบ บัวลอยเผือก ฯลฯ
ประเภทท ส่ี ี่ ได้แก่ ของห วานแ ละผ ลไม้ด อง เช่น เผือกก วน วุ้นก ะทิ สาคูก ะทิ ถั่วแ ดงในข ้าวเหนียวต ัด
มะม่วงดอง มะดันด อง ฯลฯ
7. คลอแ รมแ ฟนคิ อลแ ละย ากล มุ่ ไ นโตรฟ แู รนส ์ คลอแ รมเฟน คิ อล (Chloramphenicol) มปี ระสิทธิภาพใน
การต ้านจุลินทรีย์ได้ห ลายชนิด แต่เนื่องจากม ันมีผลข้างเคียงท ี่อันตรายม าก เช่น ทำลายไขกระดูก (bone marrow)
และม ะเร็งเม็ดโลหิตข าว (aplastic anemia) ส่วนไนโตรฟ ูแ รนส ์ (Nitrofurans) เป็นย าป ฏิชีวนะท ีส่ ังเคราะหข์ ึ้น นิยม
ใชก้ ันอ ย่างก ว้างข วางในก ารร ักษาโรคต ิดเชื้อภ ายในล ำไสแ้ ละโรคต ิดเชื้อในร ะบบท างเดินป ัสสาวะข องส ัตวจ์ ำพวก แพะ
แกะ สุกร โค กระบือ เป็ด ไก่ และก ุ้ง สารก ลุ่มนี้มีแ นวโน้มเป็นสารก ่อมะเร็งแ ละทำให้เกิดการกลายพ ันธุ์ในส ัตว์ ถ้า
ได้ร ับก ารบ ริโภคในร ะยะเวลาน าน สารก ลุ่มน ี้เป็นอ ันตรายในอ าหารจ ะต กค้างในเนื้อเยื่อข องส ัตว์ได้น านห ลายส ัปดาห์
จึงถ ูกห ้ามใช้ก ับส ัตวท์ ีเ่ลี้ยงไว้เพื่อเป็นอ าหารในห ลายป ระเทศ เช่น อเมริกา ออสเตรีย แคนาดา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ บังค ลา
เทศ ญี่ปุ่น กลุ่มส หภาพยุโรป เป็นต้น
8. สีสังเคราะห์หรือสีย้อมผ้า การใช้สีผสมอาหารช่วยให้อาหารดูสวยงามน่ารับประทาน สีผสมอาหารที่ใช้
อาจได้จากสีสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์และสีที่ได้จากธรรมชาติ แต่ผู้ผลิตอาหารที่นิยมใช้สีสังเคราะห์เพราะติดทน
นาน มีส ีฉ ูดฉาด สดใสสวยงาม หรือม ีก ลิ่นห อม มีให้เลือกห ลากหลาย และย ังส ามารถก ำหนดป ริมาณการใช้ได้ จึงใช้
มากกว่าส ีธรรมชาติ บางค รั้งผ ู้ผ ลิตท ี่ต ้องการให้อาหารม ีสีสันสดใสอาจเกิดค วามเข้าใจผ ิด ใช้ส ีย้อมผ้า ย้อมแพร ซึ่ง
มีราคาถูกและให้สีจัดกว่าสีที่ได้จากธรรมชาติ มาใช้แทนสีผสมอาหารทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เพราะสีย้อมผ้า
ประกอบไปด้วยโลหะหนัก เช่น สารหนู ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท พลวง และโครเมียม โลหะหนักเหล่านี้เป็นปัจจัย
เสี่ยงหากส ะสมในร่างกายป ริม าณม ากๆ อาจท ำให้เกิดโรคมะเร็ง หรือเสียช ีวิตได้
สีผสมอาหารได้จากการสังเคราะห์ทางเคมีมีการกำหนดปริมาณสีที่อนุญาตให้ใช้ผสมในอาหารประเภท
เครื่องดื่ม ไอศกรีม ลูกก วาด และขนมหวานเช่น วุ้นกรอบ รวมมิตร ลอดช่อง
สีที่ใช้ได้ในป ริมาณไม่เกิน 70 มิลลิกรัมต ่ออาหารในล ักษณะที่ใช้บริโภค 1 กิโลกรัม คือ
- สีแ ดง ได้แก่ เอโซรูบีน ออริโทรซิน
- สีเหลือง ได้แก่ ตาร์ตราซีน ซันเซตเยลโลว์ เอ็ฟ ซี เอ็ฟ
- สีเขียว ได้แก่ ฟาสต์กรีน เอ็ฟ ซี เอ็ฟ
- สีน้ำเงิน ได้แก่ อินดิโกคาร์ม ีน หรืออ ินดิโกต ิน
สีที่ใช้ได้ปริมาณไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต ่ออาหารในลักษณะท ี่ใช้บ ริโภค 1 กิโลกรัม คือ
- สีแ ดง ได้แก่ ปองโซ 4 อาร์
- สีน้ำเงิน ได้แก่ บริลเลียนบลู เอ็ฟ ซี เอ็ฟ
ถึงแม้สีผสมอาหารจะเป็นวัตถุเจือปนอาหารที่อนุญาตให้ผสมในอาหารได้ แต่สีผสมอาหารไม่ใช่สารอาหาร
ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กลับเป็นภาระของร่างกายที่ต้องคอยทำลายทิ้ง หากได้รับในปริมาณมากหรือบ่อยๆ สีผสม
อาหารจะไปเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้น้ำย่อยอาหารออกมาไม่สะดวก อาหารย่อยยาก เกิดอาการท้องอืด
ท้องเฟ้อ และข ัดข วางก ารด ูดซ ึมอ าหาร ทำให้ท ้องเดิน น้ำห นักล ด อ่อนเพลีย อาจม ีอาการข องต ับแ ละไตอ ักเสบ ซึ่งอ าจ
เป็นส าเหตุของโรคมะเร็ง
การป้องกันให้เลือกอาหารบริโภคที่เป็นสีธรรมชาติหรือสีขาว หลีกเลี่ยงขนมที่มีสีฉูดฉาดหรือสีเข้มจัด การ
ใช้สีผ สมอาหารที่ได้จ ากธ รรมชาติ เช่น สีแ ดงได้จ ากค รั่ง กระเจี๊ยบ มะเขือเทศ พริกแดง ข้าวแ ดง สีส้ม จากแ ครอท
ลิขสิทธิ์ของมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช