Page 215 - สังคมโลก
P. 215
องค์การระหว่างป ระเทศ 8-21
สมัยก่อนที่มีการประชุมแบบเฉพาะกิจเป็นครั้งคราวและไม่มีความสม่ำเสมอของการประชุม ขอบเขตหน้าที่ของทั้ง
สององค์กรกว้างขวางครอบคลุมทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสันติภาพของโลก แต่ปัญหาพิพาทต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องก ับมหาอำนาจนั้นจ ะต้องเสนอให้คณะมนตรีพ ิจารณาก่อนเข้าสู่การป ระชุมข องสมัชชา
นอกจากน ี้ได้ม ีการจ ัดต ั้งศ าลยุติธรรม (Permanent Court of International Justice) ขึ้นเป็นศาลประจำ
ระหว่างประเทศ โดยได้มีการริเริ่มความคิดนี้จากการประชุมสันติภาพที่กรุงปารีสในปี 1919 โดยได้ระบุให้มีการ
จัดตั้งศาลระหว่างประเทศในกติกาสันนิบาตชาติ ได้มีจัดประชุมจัดทำธรรมนูญศาลและได้รับความเห็นชอบจาก
สมัชชา และหลังจากนั้นได้เปิดโอกาสให้บรรดารัฐสมาชิกแสดงเจตนาเข้าผูกพันตามสนธิสัญญาหรือเป็นภาคีของ
ธรรมนูญศ าลร ะหว่างป ระเทศ ที่เรียกว ่าการภ าคยานุวัติ (accession) ในศ าลย ุติธรรมร ะหว่างป ระเทศม ีผ ู้พ ิพากษาซ ึ่ง
พ ิจารณาค ดไีปต ามก ฎหมายโดยไมถ่ ือว่าผ ูพ้ ิพากษาเป็นต ัวแทนข องร ัฐใดร ัฐห นึ่ง ดังน ั้น ศาลย ุติธรรมร ะหว่างป ระเทศ
จึงมีความเป็นอิสระและมีธรรมนูญเป็นของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติศาลยุติธรรมแห่งนี้ก็ยังมีความ
สัมพันธ์กับมหาอำนาจอย่างใกล้ชิด จากแนวคิดที่ว่ารัฐทุกรัฐมีความเสมอภาคกันตามกฎหมายซึ่งถือเป็นหลักการที่
สำคัญที่ต้องยึดถือปฏิบัติ กล่าวคือรัฐทั้งหลายมีสิทธิและหน้าที่อย่างเดียวกันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แต่
ในความเป็นจ ริง ไม่มีความเสมอภาคระหว่างรัฐต่างๆ เนื่องจากรัฐมีความแตกต ่างทางกายภาพ เช่น อาณาเขตพื้นที่
จำนวนประชากร ทรัพยากรท างเศรษฐกิจ อารยธรรม แสนยานุภาพท างการท หาร และพลังอำนาจแ ฝง (Soft Power)
ทีท่ ำใหร้ ัฐอ ื่นป ฏิบัตติ ามค วามต ้องการโดยไม่รูส้ ึกเหมือนว ่าถ ูกบ ังคับ37 ปัญหาน ีเ้ป็นป ัญหาพ ื้นฐ านข องอ งค์การร ะหว่าง
ประเทศท กุ อ งคก์ าร ความส มั พนั ธท์ ไี่ มเ่ ทา่ เทยี มก นั ร ะหวา่ งร ฐั น สี้ ามารถเหน็ ไดใ้ นท กุ อ งคก์ ารร ะหวา่ งป ระเทศโดยเฉพาะ
อยา่ งย ิง่ แ บบม สี มาชกิ แ บบเตม็ จ ำนวนแ ละแ บบจ ำกดั จ ำนวน การป ระชมุ แ บบส มาชกิ เตม็ จ ำนวนน ัน้ ม บี างส ว่ นค ลา้ ยคลงึ
กับการประชุมทางการทูต กล่าวคือเป็นการประชุมของผู้แทนของรัฐสมาชิกทั้งหลายเพื่อทำหน้าที่อภิปราย ถกเถียง
และลงมติในเรื่องต่างๆ เป็นครั้งคราวตามที่ตราสาร (statute) หรือธรรมนูญก่อตั้ง (constitution) ขององค์การ
ระหว่างประเทศนั้นได้กำหนดไว้ เช่น สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติประชุมทุกๆ ปีช่วงประมาณเดือนกันยายนที่
เรียกกันว่าการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาวาระต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมือง
เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ครอบคลุมทุกๆ เรื่องในสหประชาชาติ ซึ่งแตกต่างจากการประชุมทางการทูตที่มี
การอภิปราย ถกเถียงและลงมติภายในระยะเวลาที่กำหนดและจะสลายตัวไปเมื่อพ้นระยะเวลา ส่วนการประชุม
แบบจำกัดจำนวนสมาชิกจะมีการคัดเลือกรัฐสมาชิกจากเขตภูมิศาสตร์ต่างๆ ให้ได้สัดส่วนเพื่อเป็นตัวแทนจากรัฐ
สมาชิกอื่นที่มีอยู่จำนวนมาก เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน การประชุมแบบนี้
จะเป็นอ งค์กรท ี่เรียกก ันว ่าค ณะมนตรี (Council) คณะกรรมการบ ริหาร (Executive committee) หรือคณะมนตรี
เกี่ยวกับการบริหาร (Council of administration) จะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเลขาธิการทำหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะ
เรื่องใดเรื่องหนึ่งเพื่อเตรียมการประชุมก่อนการประชุมใหญ่เต็มคณะหรือการประชุมสมัชชาใหญ่อีกครั้งหนึ่ง และ
เมื่อที่ประชุมใหญ่เต็มค ณะล งมติเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว องค์กรนี้ก็จะต ิดตามผลแ ละบริหารงานให้เป็นไปต ามมติของ
สมัชชาใ หญ่
ในการศึกษาลักษณะโครงสร้างขององค์การระหว่างประเทศ นักกฎหมายระหว่างประเทศได้พยายามแบ่ง
ประเภทข องโครงสร้างของอ งค์การระหว่างป ระเทศตามล ักษณะขององค์การไว้ 3 หลักก าร คือ หลักการแ รก การแบ่ง
ตามที่มาของอ งค์การซึ่งจ ะประกอบไปด้วยองค์กรหลัก (organes principaux) องค์กรรอง (organes subsidaires)
และอ งค์กรท ีจ่ ัดต ั้งข ึ้นโดยต ราสารก ่อต ั้ง หลักก ารท ีส่ อง การแ บ่งต ามอ งคป์ ระกอบข องอ งค์การซ ึ่งป ระกอบด ้วยอ งค์กร
37 โจเซฟ นาย ไดอ้ ธิบายพ ลังอ ำนาจแ ฝง (Soft Power) คืออ ิทธิพลข องร ัฐห นึ่งซ ึ่งส ่งผ ลต ่อพ ฤติกรรมข องอ ีกร ัฐห นึ่งโดยป ราศจากก ารใช้
กำลงั ท หาร แตใ่ ชน้ โยบายท างการท ตู การแ ทรกแซงท างเศรษฐกจิ และท างว ฒั นธรรม รวมถ งึ พ ลงั อ ำนาจท ขี่ บั เคลือ่ นข องอ งคก์ รท ไี่ มใ่ ชร่ ฐั ห รอื ส ถาบนั
ระหว่างป ระเทศแ ทน ดูเพิ่มเติม Joseph S. NYE, Soft Power; the means to success in world politics, Public Affairs, USA, 2004.
ลิขสิทธข์ิ องมหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช