Page 291 - สังคมโลก
P. 291
ขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมในสังคมโลก 10-51
2. การเป็นปรปักษ์ ในทางตรงกันข้ามก็มีความสัมพันธ์อีกอย่างหนึ่งที่อาจเรียกว่าการเป็นปรปักษ์
ซึ่งขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมกับรัฐบาลมักมีความสัมพันธ์แบบเป็นปรปักษ์ต่อกันตลอด ความสัมพันธ์
แบบน ี้เห็นได้จ ากข บวนการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมที่ด้านหนึ่งมีลักษณะการทำงานท ี่ท้าทายน โยบาย กรอบ และ
แนวความค ิดการพัฒนาท ั้งระบบของรัฐ และอีกด ้านหนึ่งสนับสนุนอ งค์กรแ ละขบวนการทางส ังคมโดยตรง เป็นค วาม
สัมพันธท์ ีร่ ัฐบาลม องข บวนการเคลื่อนไหวภ าคป ระชาส ังคมเป็นค ูป่ รปักษ์ ในฐ านะท ีย่ กป ระเด็นแ ละเรื่องร าวต ่างๆ และ
ทำงานในแนวทางแ ละวิธีก ารที่ท ้าทายน โยบาย โครงการแ ละย ุทธศาสตร์ สมมติฐานที่เป็นฐานรองรับก รอบ แบบแผน
และก ารปฏิบัติของต ัวแทนและหน่วยงานของร ัฐบาล
ในบางสถานการณ์ท ี่เจ้าหน้าที่ข องรัฐบาลในระดับท ้องถ ิ่นแ ละระดับรัฐเป็นส ่วนห นึ่งข องก ลุ่มผลป ระโยชน์ที่
ขูดรีดเอาร ัดเอาเปรียบแ ละส ร้างค วามเดือดร ้อนต ่างๆ ให้ก ับค นย ากจนแ ละผ ู้ถ ูกก ดขี่ท ั้งม วล การท ำงานข องข บวนการ
เคลื่อนไหวภ าคประชาสังคมด ้วยจุดม ุ่งห มายที่จ ะส ร้างพลังอ ำนาจให้กับป ระชาชน สร้างแ ละเสริมความเข้มแ ข็งให้กับ
องค์กรประชาชนแ ละขบวนการทางส ังคม เพื่อจะน ำไปส ู่การตั้งค ำถามต ่อก ลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้ และเป็นการโจมตี
เจ้าห น้าที่ โครงสร้างแ ละเครื่องม ือก ารทำงานของร ัฐบาลเหล่าน ี้
นอกจากนั้นก็มีสถานการณ์ที่ขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมทำงานด้านต่อต้านอำนาจเผด็จการและ
ส่งเสริมประชาธิปไตยแ บบมีส่วนร ่วม และเพิ่มป ากเสียงสิทธิโอกาส และอำนาจการค วบคุมของประชาชน การท ำงาน
ของขบวนการเหล่านี้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โครงสร้าง และลักษณะการทำงานของรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ เป็น
การตั้งคำถามต่อก ารควบคุมตามแบบของระบบราชการ และต่อวิธีการท ำงานท ี่ม ีลักษณะข ้างเดียว เป็นความลับ และ
รวมศ ูนย์ของร ัฐบาล กระทรวงทบวงก รม และข้าราชการ
เมื่อใดที่ทั้งสองสถานการณ์นี้รวมเข้าด้วยกันในบริบทเฉพาะหนึ่งๆ การทำงานของขบวนการเคลื่อนไหว
ภาคประชาสังคมที่ชี้นำด้วยจุดมุ่งหมายตามที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะเป็นปรปักษ์ในขั้นรากฐานกับโครงสร้างลักษณะ
และแบบแผนข องรัฐบาล หน่วยงานของร ัฐ กระทรวง ทบวง กรม และข้าราชการ ดังน ั้น โดยพ ื้นฐานก ็จ ะปรากฏและ
ได้ร ับก ารย ้ำเน้นว ่าเป็น “ความข ัดแ ย้งท างผ ลป ระโยชน์” ทั้งในท างภ วว ิสัยแ ละอ ัตว ิสัย ในส ถานการณ์เช่นน ี้เองท ี่ค วาม
สัมพันธ์แบบเป็นป รปักษ์เป็นความสัมพันธ์ห ลักร ะหว่างอ งค์กรพัฒนาเอกชนก ับรัฐบาล
3. การต อบสนอง จากลักษณะท ี่น ่าส นใจข องค วามสัมพันธ์แบบป รปักษ์ข้างต ้นค ือ วิธีก ารท ี่รัฐบาลพ ยายาม
จัดการกับขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมในบริบทดังกล่าวตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น การส่งเสริมให้มีการ
พึ่งพาข ึ้นต่อและก ารลดค วามเป็นอิสระความเป็นต ัวข องตัวเองข องขบวนการเคลื่อนไหวภาคป ระชาส ังคมเหล่านี้ เป็น
วิธีการทำให้ขบวนการเหล่านี้เงียบเสียง หรือให้กลับเข้ามา ”อยู่ในแถวในแนว” เพื่อให้ดำเนินการตามนโยบายการ
พัฒนาข องท างการและก ารใหท้ ุนถ ือเป็นว ิธกี ารท ีด่ ที ี่สุดในก ารบ รรลเุป้าห มายน ี้ ดังน ั้นข บวนการเคลื่อนไหวภ าคป ระชา
สังคมจ ำนวนม ากท ี่เผชิญก ับป ัญหาด ้านท รัพยากร และถ ูกช ักจูงล ่อลวงด ้วยก ารส นับสนุนใหท้ ุนข องร ัฐบาลท ั้งในร ะดับ
ท้องถ ิ่นแ ละร ะดับชาติในเบื้องต้นก ็เพื่อจ ะได้ท ำงานต ามท ี่ข บวนการของต นว างแผนเอาไว้ แต่ในไม่ช ้าก ็จ ะพ บว ่าต นเอง
ต้องพ ึ่งพาขึ้นต่อรัฐบาลมากเพียงใด ทั้งพ ึ่งพาเจ้าหน้าที่ร ัฐ โครงสร้างและขั้นตอนวิธีการท ำงานในการจ ัดการทุน และ
พบว ่าความเป็นอิสระเป็นต ัวข องต ัวเองต ้องส ูญเสียไปมากจ ากก ารพ ึ่งพานี้
ยทุ ธศาสตรล์ กึ ซ ึง้ ป ระการท สี่ องท รี่ ฐั บาลแ ละห นว่ ยง านข องร ฐั บาลน ำม าใชจ้ ดั การก บั ข บวนการเคลือ่ นไหวภ าค
ประชาส งั คมท มี่ คี วามส มั พนั ธเ์ ปน็ ป รปกั ษก์ บั ต นค อื การเอาเขา้ ม าเปน็ ส ว่ นห นงึ่ ข องร ฐั บาล(cooptation)ยทุ ธศาสตรแ์ บบ
นี้ใช้ม ากในส ภาพท างการเมืองท ี่เป็นเสรีนิยมป ระชาธิปไตย การเอาเข้าม าเป็นส ่วนห นึ่งข องร ัฐบาลเช่นว ่าน ี้ กระทำด ้วย
การด ึงข บวนการเคลื่อนไหวภ าคป ระชาส ังคมเข้าม าร ่วมในค ณะก รรมการพ ิจารณาน โยบาย ในโครงสร้างก ารต ัดสินใจ
และในเวทกี ารถ กเถียงอ ภิปรายข องร ัฐบาล ซึ่งน อกจากจ ะไดค้ วามค ดิ แ ละค วามต ัง้ ใจในก ารท ำงานข องข บวนการเหล่านี้
แล้ว ยังเป็นการทำให้ศักยภาพในการวิพากษ์วิจารณ์และความเป็นตัวของตัวเองของขบวนการเหล่านี้หมดไปด้วย
ลิขสิทธขิ์ องมหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช