Page 32 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 32

5-22 การเมืองการปกครองไทย

“เจ้าน​ ายช​ ั้นส​ ูง” ที่พ​ ระม​ หาก​ ษัตริย์ท​ รงแ​ ต่งต​ ั้งเ​พราะไ​ว้ว​ างพ​ ระร​ าชห​ ฤทัย เมืองเ​หล่าน​ ี้จ​ ึงม​ ีล​ ักษณะเ​ป็นเ​พียง
“สัญลักษณ์​ของ​ส่วน​กลาง” เท่านั้น แต่​ไม่ใช่อ​ ำ�นาจ​ของส​ ่วนก​ ลางท​ ี่แท้จ​ ริง​ในท​ างป​ ฏิบัติ

            เหตุ​นี้ โครงสร้าง​การเมือง​การ​ปกครอง​เดิม​ของ​กรุง​ศรีอยุธยา​จึง​เหมือน​กับ​มี “ศูนย์กลาง​
อำ�นาจ” หลาย​แห่ง และ​ราชธานี​กลับ​กลาย​เป็น “สัญลักษณ์​เชิง​อำ�นาจ” ของ​ราช​อาณาจักร​เท่านั้น ขณะ​ที่​
พระ​มหา​กษัตริย์ก​ ลับ​มีพ​ ระร​ าชอ​ ำ�นาจ​จำ�กัดแ​ ละไ​ม่​เด็ดข​ าด​สมบูรณ์ การท​ ้าทายอ​ ำ�นาจ การ​จลาจล และ​การ​
แย่งช​ ิง​อำ�นาจบ​ ัลลังก์จ​ ึง​เกิดข​ ึ้นห​ ลาย​ครั้ง ครั้งส​ ำ�คัญ​ก็ค​ ือ

            พ.ศ. 1913 ขุน​หลวง​พระ​งั่ว (ราชวงศ์ส​ ุพรรณภ​ ูมิ) แย่ง​อำ�นาจ​จาก​สมเด็จพ​ ระร​ าเ​มศ​ วร ซึ่งไ​ป​
ครอง​เมือง​ลพบุรี

            พ.ศ. 1931 สมเด็จ​พระ​รา​เม​ศวร (ราชวงศ์​เชียงราย) เสด็จฯ จาก​เมือง​ลพบุรี​เข้าไป​แย่ง​ชิง
​ราชบ​ ัลลังก์แ​ ละป​ ระหารช​ ีวิตพ​ ระเจ้า​ทองล​ ัน

            พ.ศ. 1952 เจ้า​นครอ​ ินทร์ (ราชวงศ์ส​ ุพรรณภ​ ูมิ) แย่งช​ ิง​ราช​บัลลังก์​จากพ​ ระราม​ราชา
            พ.ศ. 1967 หลังจ​ ากส​ มเด็จเ​จ้าน​ ครอ​ ินทร์ สวรรคต ราชบุตร 2 องค์ คือ เจ้าอ​ ้ายพ​ ระยาท​ ีค่​ รอง​
เมอื งส​ พุ รรณภ​ มู ก​ิ บั เ​จา้ ย​ พี​่ ระยา ผคู​้ รองเ​มอื งแ​ พรก (สรรค)์ ตา่ งย​ กก​ องทพั เ​ขา้ ม​ ายงั ก​ รงุ ศ​ รอี ยธุ ยา แลว้ ช​ นชา้ ง​
กัน​จน​สิ้นพระชนม์​ทั้งส​ องพระ​องค์
            การ​คิด​หา​แนวทาง​และ​วิธี​การ​ที่​จะ​ป้องกัน​หรือ​แก้ไข​ปัญหา​การ​แย่ง​ชิง​อำ�นาจ​ทางการ​เมือง​
และ​ความ​อ่อนแอ​ของ​อำ�นาจ​พระ​มหา​กษัตริย์ จึง​น่า​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​พระ​มหา​กษัตริย์​เกือบ​ทุก​พระองค์​ใน
ก​ รุง​ศรีอยุธยา เพื่อท​ รง​ขึ้น​สู่อ​ ำ�นาจ
       2. 	 สาเหตุ​จาก​ภายนอก​และ​การ​ขยาย​อาณาเขต อาณาจักร​และ​เมือง​ใหญ่​หลาย​แห่ง​ที่​อยู่​ใกล้​เคียง​
กับก​ รุงศ​ รีอยุธยา ต่างก​ ็พ​ ยายาม​มี​อิทธิพลต​ ่อก​ ัน​และก​ ัน ถ้า​ครั้งใ​ดท​ ี่ฝ​ ่ายใ​ดฝ​ ่ายห​ นึ่งม​ ี​ความ​เข้ม​แข็ง​มากท​ ั้ง​
ด้าน​ผู้นำ�​และ​จำ�นวน​ไพร่พล ขณะ​ที่​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​อ่อนแอ​กว่า ก็​มัก​จะ​มี​การ​ยก​ทัพ​เข้าไป​ทำ�​สงคราม​และ​ยึด​
ครอง หรือ​ไม่​ก็​ปกครอง​ใน​ฐานะ​เมือง​ประเทศราช​และ​กวาดต้อน​เอา​ผู้คน​ไป​ยัง​เมือง​ของ​ผู้​ชนะ เหตุ​นี้​เมื่อ
ก​ รงุ ศ​ รอี ยธุ ยาต​ ไ​ี ดน​้ ครธ​ มข​ องข​ อม(ระหวา่ งพ.ศ.1974–1975)*และไ​ดก​้ รงุ ส​ โุ ขทยั ม​ าไ​วใ​้ นเ​ขตร​ าชอ​ าณาจกั รเมอื่
พ.ศ. 1981 นอกจาก​จะเ​ป็นการ​ขยายอ​ าณาเขต​ของก​ รุงศ​ รีอยุธยา​ออกไ​ปแ​ ล้ว ก็เ​กิดค​ วามจ​ ำ�เป็นต​ ่อผ​ ูป้​ กครอง
​กรุง​ศรีอยุธยา​ที่​จะ​ต้อง​จัดการ​ปกครอง​อาณาเขต​ที่​ขยาย​กว้าง​ออก​ไป​ดัง​กล่าว​นี้ รวม​ทั้ง​การ​ป้องกัน​ไม่​ให้​
อทิ ธพิ ลข​ องอ​ าณาจกั รภ​ ายนอกร​ กุ ล​ ํา้ เขา้ ม​ าใ​นอ​ าณาเขตเ​หลา่ น​ ี้ โดยเ​ฉพาะอ​ ยา่ งย​ ิง่ อทิ ธพิ ลข​ องล​ า้ นน​ าต​ อ่ ส​ โุ ขทยั
       ใน​อีก​มิติ​หนึ่ง การ​ที่​กรุง​ศรีอยุธยา​ได้​ยึด​ครอง​นคร​ธม และ​กวาดต้อน​เอา “สมณ​ชี​พราหมณ์​
โหราจารย์” เข้า​มา​ด้วย ทำ�ให้​เกิด​การ​เรียน​รู้​และ​มี​การนำ�​เอา​แบบ​อย่าง​ใน​ด้าน​ดี​หรือ​ด้าน​ที่​ให้​ขอม​เจริญ​
ก้าวหน้า และเ​ข้ม​แข็ง​มา​ก่อน เพื่อป​ รับ​ใช้​กับ​การ​ปกครองก​ รุง​ศรีอยุธยา และใ​น​ครั้ง​นี้​ได้​นำ�​เอา​แนวคิดแ​ ละ​
หลักก​ าร​ สำ�คัญๆ ของศ​ าสนาพ​ ราหมณเ์​ข้าม​ าใ​ช้อ​ ย่างจ​ ริงจัง ต่างจ​ ากก​ รุงศ​ รีอยุธยาย​ ุคแ​ รกๆ การเ​ปลี่ยนแปลง​
ที่ไ​ด้จ​ ากอ​ ิทธิพลข​ องว​ ัฒนธรรมอ​ ินเดียผ​ ่านม​ าท​ างข​ อมใ​นค​ รั้งน​ ี้ ได้ป​ รากฏผ​ ลใ​ห้ส​ ังคมอ​ ยุธยาแ​ ตกต​ ่างไ​ปจ​ าก​
เดิมอ​ ย่าง​มาก

	 * เป็นการย​ ึดค​ รอง​นครธ​ ม​มาไ​ด้​เป็น​ครั้งท​ ี่ 3
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37