Page 25 - ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 2
P. 25

ทฤษฎีระบบ 2-15

       การคิดเชิงระบบมีความสำ�คัญมากหลักคิดสำ�คัญคือ สรรพสิ่งต่างๆ ไม่ได้อยู่แบบเอกเทศ แต่อยู่	
เปน็ ระบบ มคี วามเชือ่ มโยงกนั มคี วามสมั พนั ธซ์ ึง่ กนั และกนั มกี ารพึง่ พาอาศยั กนั การคดิ เชงิ ระบบจงึ เปน็ การ
คิดทั้งในภาพรวมและภาพย่อย และเห็นความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างภาพย่อยและภาพรวม

       วินัยทั้ง 5 ประการก็มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยมีการคิดเชิงระบบเป็นจุดรวม แก่นสาระ
(essence) ของการคดิ เชงิ ระบบคอื การเหน็ ภาพรวมและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั และกนั แกน่ สาระของความ
เป็นเลิศส่วนบุคคลก็คือ การบรรลุถึง (being) ซึ่งศักยภาพแห่งความเป็นเลิศและเห็นความเชื่อมสัมพันธ์
ของความเป็นเลิศนั้นกับส่วนอื่นขององค์การ แก่นสาระของรูปแบบโลกทัศน์ ก็คือ การรักความจริงและ
การมีโลกทัศน์เปิดที่พร้อมจะรับความเปลี่ยนแปลงแก่นสาระของวิสัยทัศน์ร่วมก็คือการมีวัตถุประสงค์
ร่วมกัน แก่นสาระของการเรียนรู้ร่วมกันก็คือภูมิปัญญาหลอมรวม (collective intelligence) แก่นสาระ
ของวินัย 5 ประการนี้ หลอมรวมเข้าด้วยกันบนยอดพีระมิด 5 เหลี่ยมเป็นวินัย 5 ประการขององค์การ	
การเรียนรู้ (Senge, 1990: 375-376)

       แนวคิดนี้สามารถนำ�มาประยุกต์ได้ในการพัฒนาและการบริหารการศึกษาได้ดังนี้ ปรากฏในหนังสือ
โรงเรียนที่เรียนรู้ (Schools That Learn) ซึ่งเซงกีได้เขียนร่วมกับนักเขียนหลายคน (Senge, 2000) สาระ
สำ�คัญของโรงเรียนที่เรียนรู้ก็คือ กระบวนการเรียนรู้ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว แต่เป็นระบบของ
กิจกรรมสามระบบ (three nested systems of activity) ได้แก่ ห้องเรียนแห่งการเรียนรู้ โรงเรียนแห่ง
การเรียนรู้ และชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทั้ง 3 ระบบนี้จะต้องดำ�เนินการให้เชื่อมสัมพันธ์กัน การเรียนรู้จึงจะ
เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

       	
               หลังจากศึกษาเนือ้ หาสาระตอนที่ 2.1 แลว้ โปรดปฏิบัติกจิ กรรม 2.1
                           ในแนวการศึกษาหนว่ ยที่ 2 ตอนที่ 2.1
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30