Page 42 - ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 2
P. 42

2-32 ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา

       ลักษณะดังกล่าวนี้ เป็นลักษณะของระบบดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ในการทำ�งานร่วมกับกลุ่มจะสังเกต
เห็นว่า บางกลุ่มทำ�งานเร็ว บางกลุ่มทำ�งานช้า บางกลุ่มประชุมกันมากแต่มีผลงานน้อย บางกลุ่มประชุมน้อย
แตม่ ผี ลงานมาก กลุม่ มคี วามสามารถแตกตา่ งกนั เพราะมลี กั ษณะแตกตา่ งกนั จากแนวคดิ เกีย่ วกบั ระบบอาจ
กำ�หนดหลักในการทำ�งานร่วมกับกลุ่มดังนี้

       1)	 ก�ำ หนดวตั ถปุ ระสงคร์ ว่ มกนั ใหช้ ดั เจน ทกุ คนมสี ว่ นรว่ มในการกระทำ�เพือ่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
นั้น ทุกคนอาศัยซึ่งกันและกันในการบรรลุวัตถุประสงค์

       2)	 จัดให้มีการแบ่งระดับการบังคับบัญชาในกลุ่ม มีหัวหน้ากลุ่ม กรรมการ และสมาชิก เพื่อแบ่ง
ระดับความรับผิดชอบและภาระหน้าที่

       3)	 จัดให้มีการใช้ผลย้อนกลับ (feedback) เพื่อควบคุมและติดตามการทำ�งานของกลุ่ม การให้ผล
ยอ้ นกลบั ทำ�ใหก้ ลุม่ รูค้ วามกา้ วหนา้ และปญั หาอปุ สรรค กลุม่ สามารถปรบั ตวั เพือ่ ทำ�งานใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์

       4)	 มีการแลกเปลี่ยนกับสภาพแวดล้อม กลุ่มรับฟังข้อคิดเห็นจากคนภายนอกกลุ่ม ความคิดเห็น
เป็นตัวป้อนชนิดหนึ่ง ความคิดเห็นจากภายนอกกลุ่มมีลักษณะเป็นปรนัย (objectivity) เป็นประโยชน์ต่อ
กลุ่ม ทำ�ให้กลุ่มเป็นระบบแบบเปิด มีประสิทธิภาพสูง

       5)	 จัดให้มีความสมดุลระหว่างส่วนต่างๆ มีตัวป้อนและผลผลิตสมํ่าเสมอไม่ใช่มีตัวป้อนมากเกิน
ไปหรือน้อยเกินไป สมาชิกแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่เหมาะสมไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรือว่างงาน

       6)	 ใหอ้ ิสระแก่กลุม่ ในการท�ำ งาน หลกั ของความเทา่ เทยี มกันในการบรรลุวัตถปุ ระสงค์ (equifinal-
ity) ก็คือกลุ่มอาจบรรลุวัตถุประสงค์ได้เหมือนกัน แม้ว่าจะเริ่มต้นต่างกันและใช้วิธีการต่างกัน เช่น กลุ่มที่
ได้รับมอบหมายให้เขียนรายงานบางกลุ่มอาจจะแบ่งงานกันก่อน แล้วไปค้นคว้าตามเรื่องที่ได้รับมอบหมาย
บางกลุ่มอาจค้นคว้าด้วยกัน แล้วมอบหมายภารกิจการเขียนทีหลัง ไม่ว่าจะใช้วิธีใด กลุ่มก็สามารถบรรลุ
วัตถุประสงค์เหมือนกัน การให้อิสระแก่กลุ่มในการทำ�งานจึงสอดคล้องกับหลักของ equifinality

       เมื่อกลุ่มทำ�งานร่วมกันกลุ่มจะมีพลัง เป็นพลังอันหนึ่งอันเดียวที่มีอำ�นาจมากกว่าพลังของสมาชิก
แต่ละคนบวกกัน แคทเทล (Cattel, 1948) ได้เสนอทฤษฎีพลังรวมของกลุ่ม (Theory of Group Syntal-
ity) ตามทฤษฎีนี้ พลังรวม (syntality) ของกลุ่มเกิดจาก 1) จำ�นวนสมาชิกทั้งหมดของกลุ่ม 2) เจตคติของ
สมาชิก 3) ความสามารถและทรัพยากรที่มีอยู่ของสมาชิก และ 4) เหตุผลในการเข้าเป็นสมาชิก ยิ่งสมาชิก
เขา้ เปน็ สมาชิกดว้ ยความสมัครใจเพยี งใด กลุม่ ยอ่ มมีพลังงานรวมเพียงนัน้ พลังรวมของกลุม่ จะถูกใชไ้ ปเพื่อ
วัตถุประสงค์ 2 อย่างคือ 1) เพื่อการรักษาสถานภาพและ 2) เพื่อให้กลุ่มบรรลุวัตถุประสงค์ พลังประเภท
แรกเรียกกันว่า พลังสังเคราะห์เพื่อการรักษา (maintenance synergy) พลังส่วนนี้ใช้ในการรักษาความ
สัมพันธ์ระหว่างสมาชิก เช่น เมื่อมีความขัดแย้งขึ้นก็ย่อมมีการประนีประนอม พลังประเภทหลังเรียกกันว่า
พลังสังเคราะห์เพื่อประสิทธิผล (effective synergy) ถ้าใช้พลังสังเคราะห์น้อยเพื่อรักษาสถานภาพ กลุ่มก็
จะมีพลังสังเคราะห์มากเพื่อการดำ�เนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดังนั้น หลักสำ�คัญอย่างหนึ่งในการทำ�งาน
รว่ มกับกลุ่มก็คอื พยายามลดพลังสงั เคราะหเ์ พื่อการรักษาและสง่ เสรมิ ให้เกดิ พลงั สงั เคราะห์เพื่อประสิทธผิ ล
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47