Page 18 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 18

1-8 การวิจัยการบริหารการศึกษา

เรอ่ื งท่ี 1.1.2 	การวิจัยการบริหารการศึกษายุคก่อนการเคล่ือนไหว
          ทางทฤษฎี

       นักวิชาการสำ�คัญที่จะกล่าวถึงในยุคนี้ (ก่อน ค.ศ. 1950) มีอยู่สามคน ได้แก่ มอร์ท (Mort)
โมลเมน (Moehl-man) และเซียร์ส (Sears) นักวิชาการทั้งสามคนนี้เป็นอาจารย์ได้รับอิทธิพลแนวคิดจาก
จอห์น ดุย (John Dewey) เป็นอย่างมาก หลักในการศึกษาค้นคว้าที่สำ�คัญได้แก่ 1) การปฏิบัติคือที่มาของ
ปัญหาในการวิจัย 2) นักวิชาการและนักปฏิบัติจะต้องให้ความร่วมมือกันในการศึกษาค้นคว้า และ 3) วิธีการ
ทางวิทยาศาสตร์คือวิธีการสร้างองค์ความรู้

       เซียส์ (Sears. 1950) ได้เห็นข้อจำ�กัดขององค์ความรู้ทางด้านศึกษาศาสตร์ในสมัยนั้น จึงให้ความ
สนใจในเรื่องการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ ด้วยความหวังว่าในวันหนึ่งศาสตร์ทางด้านการศึกษาและ
การบริหารการศึกษาจะก้าวหน้าเช่นศาสตร์สาขาอื่นในการศึกษาค้นคว้า เซียส์ได้ใช้ความรู้จากสังคมศาสตร์
โดยเฉพาะความรู้ทางด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ รัฐประศาสนศาสตร์ และจากข้อเขียนของ
นกั ทฤษฎที ีส่ �ำ คญั ไดแ้ ก่ เทเลอร์ (Taylor) ฟาโยล (Fayol) รวมทัง้ งานคลาสสกิ ของกลู คิ และเออรว์ คิ (Gulick
& Urwick) เรื่อง ศาสตร์แห่งการบริหาร (Papers on A Science of Administration) งานสำ�คัญของ
เซียส์คือ หนังสือเรื่องธรรมชาติของกระบวนการบริหาร (The Nature of the Administrative Process)
กระบวนการบริหารที่สำ�คัญในหนังสือเล่มนี้ ได้แก่ 1) การวางแผน 2) การจัดองค์การ 3) การอำ�นวยการ
4) การประสานงาน และ 5) การควบคุม

       โมลแมน (Moehl-man. 1938) เปน็ ผูท้ ีส่ นใจงานประชาสมั พนั ธข์ องโรงเรยี น ความสนใจนีม้ มี าตัง้ แต่
ทำ�หน้าที่เป็นผู้อำ�นวยการฝ่ายสถิติ อ้างอิง และการวิจัยการบริหารของสภาการศึกษาเมืองดีทรอยท์ หนังสือ
สำ�คัญของโมลแมนคือการอธิบายสังคม (social interpretation) โมลแมนใช้วิธีวิเคราะห์หลักประชาธิปไตย
และการบริหารการศึกษา ด้วยหลักการที่ว่า การศึกษาเป็นสิ่งจำ�เป็นสำ�หรับสังคม และวัตถุประสงค์ของการ
ศึกษาควรจะสอดคล้องกับครรลองชีวิตและวัฒนธรรม โมลแมนได้เสนอหลัก 13 ประการ ที่ผู้บริหารระดับ
นโยบาย “ควร” จะกระทำ�

       มอร์ท เป็นผู้มีบทบาทสำ�คัญมากในการวิพากษ์วิจารณ์การวิจัยการบริหารการศึกษาในสมัยนั้น
เขาชีใ้ หเ้ หน็ ถงึ ความจ�ำ เปน็ ทีจ่ ะตอ้ งศกึ ษาวจิ ยั การบรหิ ารการศกึ ษาอยา่ งจรงิ จงั โดยทีเ่ หน็ ความจ�ำ เปน็ ของการ
วจิ ยั ทีม่ ตี อ่ การปฏบิ ตั ิ จงึ ไดจ้ ดั ตัง้ สภาการศกึ ษาคน้ ควา้ เกีย่ วกบั โรงเรยี นในเขตมหานครขึน้ ทีเ่ มอื งนวิ ยอรก์ ใน
ค.ศ. 1942 ด้วยการริเริ่มของเขา องค์การประเภทนี้จึงได้เกิดขึ้นแพร่หลายในสหรัฐอเมริกามาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ มอร์ทเป็นนักวิชาการที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับการเงินและงบประมาณทางการศึกษาเขาได้ใช้แนวคิด
ทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์และทางรัฐศาสตร์เป็นหลักในการศึกษาโครงสร้างของเทศบาล ภาษี รายได้
ตลอดถงึ การเงนิ และงบประมาณส�ำ หรบั โรงเรยี น และยงั เปน็ ผูบ้ กุ เบกิ การวจิ ยั พืน้ ฐาน (basic research) ทาง
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23