Page 76 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 76
1-66 การวิจัยการบริหารการศึกษา
เรอ่ื งที่ 1.4.2 จรยิ ธรรมในกระบวนการวจิ ยั ทางการบรหิ ารการศกึ ษา
อาจกล่าวได้ว่า จริยธรรมเป็นองค์ประกอบสำ�คัญในทุกขั้นตอนของกระบวนการวิจัยไม่ว่าจะเป็น
การวิจัยเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพ ดังจะกล่าวใน 5 ประเด็นต่อไปนี้
1. กระบวนทัศน์การวิจัย
2. การวางแผนการวิจัย
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
4. การวิเคราะห์ข้อมูลและการเขียนรายงาน
5. การใช้ประโยชน์จากข้อค้นพบงานวิจัย
กระบวนทศั นก์ ารวจิ ัย
การเลือกกระบวนทัศน์การวิจัยของนักวิจัยย่อมสะท้อนถึงความเข้าใจในเรื่องจริยธรรม อาทิ การใช้
กระบวนทัศน์ปฏิฐานนิยม (Positivism) จะนำ�ไปสู่การวิจัยเชิงปริมาณซึ่งให้ความสำ�คัญกับความเป็นกลาง
ของนักวิจัย เช่น ในการสังเกตปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูผู้สอน นักวิจัยจะไม่แสดงตนเพื่อมีอิทธิพล
ตอ่ นกั เรยี นและครู โดยการนัง่ สงั เกตอยา่ งเงยี บ ๆ และบนั ทกึ ความถีข่ องสภาพการณท์ ีส่ งั เกตได้ การทีผ่ ูว้ จิ ยั
ดำ�เนินการเช่นนี้ในมุมมองของนักปฏิฐานนิยมถือว่ามีจริยธรรมในการวิจัย ในทางตรงกันข้าม การวิจัยที่เน้น
กระบวนทัศน์นัยนิยม (Interpretivism) ซึ่งจะนำ�ไปสู่การวิจัยเชิงคุณภาพ นักวิจัยที่เชื่อในกระบวนทัศน์นี้
อาจมองว่าวิธีการของนักปฏิฐานนิยมไม่มีจริยธรรม เพราะว่ามองข้ามความเป็นมนุษย์ เห็นมนุษย์เป็นเพียง
วัตถุที่คอยถูกสังเกตและถูกวัดประเมิน นักวิจัยจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในปฏิสัมพันธ์ตามความเหมาะสม
เพื่อที่จะเข้าใจในความสัมพันธ์
จึงเห็นได้ว่า ไม่ว่ากระบวนทัศน์ใดที่นักวิจัยใช้ก็จะต้องอธิบายในเรื่องจริยธรรมที่สนับสนุนการวิจัย
ของตนให้ได้ เช่น นักวิจัยที่ใช้กระบวนทัศน์ปฏิฐานนิยมซึ่งพยายามเป็นกลางในการวิจัยก็พยายามอธิบาย
ประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรม ดังเช่นในเรื่องการใช้แบบสอบถามก็เกี่ยวข้องกับจริยธรรม ดังนี้
1. แบบสอบถามต้องนำ�เสนอในรูปแบบที่เหมาะสมซึ่งแสดงถึงการเคารพต่อผู้ตอบ
2. คำ�ถามจะต้องตรงประเด็นไม่กำ�กวม และไม่ยุ่งยากจนทำ�ให้ผู้ตอบรู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาที่ตอบ
ไม่ได้ซึ่งข้อผิดพลาดอาจมาจากสร้างแบบสอบถามของนักวิจัย
3. ไม่ควรใช้เวลามากเกินไป
4. ไม่ควรให้ผู้ตอบแบบสอบถามเสียค่าส่งกลับเอง