Page 24 - การวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย หน่วยที่ 10
P. 24

10-14 การวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย

ทดลองแ​ ละ​กลุ่ม​ควบคุมใ​ห้​แตก​ต่าง​กัน​และ​เป็น​อิสระ​จาก​กัน เช่น นัก​วิจัย​ต้องการเ​ปรียบ​เทียบ​วิธี​การ​สอน​
นักศึกษา​ระหว่าง​การ​สอน 2 วิธี เพื่อ​ดู​ว่า​วิธี​การ​ใด​จะ​ส่ง​ผล​ทำ�ให้​นักศึกษา​เกิด​การ​เรียน​รู้​ได้​ดี​กว่า​กัน จึง​ได้​
กำ�หนด​ตัวแปร​อิสระ​ใน​การ​วิจัย​คือ วิธี​การ​สอน ซึ่ง​เป็น​ตัวแปร​ไม่​ต่อ​เนื่อง ระดับ​การ​วัด​ของ​ตัวแปร​อยู่​ใน​
มาตรการ​วัด​แบบ​กลุ่ม (nominal scale) ได้แก่ วิธี​การ​สอน​โดย​การ​บรรยาย​และ​วิธี​การ​สอน​โดย​ใช้​ชุด​การ​
เรียนด​ ้วย​คอมพิวเตอร์ จะเ​ห็น​ได้ว​ ่า ตัวแปร​อิสระค​ ือ วิธี​การ​สอน มี 2 ค่า หรือ 2 ระดับ ได้แก่ การส​ อน​โดย​
ใช้ก​ าร​บรรยาย และก​ าร​สอน​โดยใ​ช้​ชุด​การเ​รียน​โดย​คอมพิวเตอร์ การ​วิจัย​นี้จ​ ึง​มี​กลุ่ม​ทดลอง 2 กลุ่ม​ที่​ได้​รับ​
การจ​ ัดก​ ระทำ�​ที่​แตก​ต่าง​กัน คือต​ ้องท​ ำ�ให้​วิธีก​ าร​สอนโ​ดย​การบ​ รรยายแ​ ตก​ต่างจ​ ากว​ ิธี​การส​ อน​โดย​ใช้​ชุดก​ าร​
เรียนด​ ้วยค​ อมพิวเตอร์​มาก​ที่สุด ระดับ​ของต​ ัวแปรอ​ ิสระ (วิธี​การส​ อน​ทั้ง 2 แบบ) มี​ความแ​ ตกต​ ่างก​ ัน​โดย​สิ้น​
เชิง ในข​ ณะท​ ี่​ตัวแปร​ตาม คือ ผล​สัมฤทธิ์ท​ างการ​เรียน เมื่อ​วัดเ​ป็นค​ ะแนน​จากแ​ บบท​ ดสอบจ​ ึง​เป็นต​ ัวแปรต​ ่อ​
เนื่อง ระดับ​การ​วัด​อยู่ใ​น​มาตร​วัด​แบบ​ช่วง (interval scale) ซึ่งน​ ัก​วิจัยต​ ้องการท​ ราบว​ ่าร​ ะหว่างว​ ิธี​การส​ อน​
โดยใ​ช้ก​ าร​บรรยาย กับก​ าร​สอนโ​ดยใ​ช้ช​ ุดก​ าร​เรียนโ​ดย​คอมพิวเตอร์ วิธี​ใดจ​ ะใ​ห้​ผลส​ ัมฤทธิ์​ทางการเ​รียน​สูง​
กว่า​กัน

       2.	 หลัก​การล​ ดค​ วาม​แปรปรวนข​ องค​ วามคลาดเ​คล่ือน หรือ minimized error variance เป็นการ​
ควบคมุ ต​ ัวแปรแ​ ทรกซอ้ นโ​ดยก​ ารท​ ำ�ใหค้​ ่าค​ วามแ​ ปรปรวนข​ องค​ วามคลาดเ​คลือ่ นม​ คี​ ่าน​ ้อยท​ ี่สุดห​ รือเ​ป็นศ​ ูนย์
ซึ่งค​ วามคลาดเ​คลื่อน (error) แบ่งไ​ด้เ​ป็น 2 ชนิด​ดังนี้

            1)	ความคลาดเ​คลอ่ื นอ​ ยา่ ง​มร​ี ะบบ (systematic error) เป็นค​ วามคลาด​เคลื่อนที่​มี​ผล​ต่อก​ ลุ่ม​
ตัวอย่าง​ทุก​กลุ่ม (กลุ่ม​ทดลอง และ​กลุ่ม​ควบคุม) อย่าง​เท่า​เทียม​กัน เช่น ความ​บกพร่อง​ของ​เครื่อง​มือ​
ที่​ใช้​ใน​การ​เก็บ​รวบรวม​ข้อมูล ความ​ไม่​ชัดเจน​ของ​ประเด็น​ใน​การ​วัด เป็นต้น ซึ่ง​นัก​วิจัย​สามารถ​แก้ไข​
ความคลาดเ​คลื่อนน​ ี้ไ​ด้ กล่าวค​ ือ ถ้าท​ ราบว​ ่าเ​ครื่องม​ ือท​ ีใ่​ช้ใ​นก​ ารเ​ก็บร​ วบรวมข​ ้อมูลม​ คี​ วามบ​ กพร่อง นักว​ ิจัย​
สามารถ​แก้ไข​ความคลาด​เคลื่อน​ได้​โดย​การ​สร้าง​เครื่อง​มือ​ที่​ใช้​ใน​การ​เก็บ​รวบรวม​ข้อมูล​ให้​มี​ความ​เที่ยง​ตรง​
และค​ วามเ​ชื่อ​มั่นส​ ูง โดย​การท​ ดสอบ​คุณภาพ​ของเ​ครื่องม​ ือ

            จากต​ วั อยา่ งท​ เี​่ สนอม​ าก​ อ่ นห​ นา้ น​ ี้ นกั ว​ จิ ยั จ​ งึ ท​ �ำ การท​ ดลองโ​ดยใ​ชก​้ ลุม่ น​ กั ศกึ ษาท​ เี​่ รยี นโ​ดยก​ าร​
บรรยาย และก​ ลุ่มท​ ี่เ​รียนด​ ้วยช​ ุดก​ ารเ​รียนด​ ้วยค​ อมพิวเตอร์ ทั้งนี้น​ ักศึกษาท​ ั้งส​ องก​ ลุ่มต​ ้องเ​รียนเ​นื้อหาส​ าระ​
เดียวกัน ใน​กรณี​นี้ก​ ำ�หนด​ให้เ​ป็นการ​วิจัยอ​ ย่าง​ง่าย ระดับ​มัธยมศึกษา​ตอน​ปลาย โดยใ​ห้​มีเ​วลาเ​รียน​ครั้ง​ละ
1 ชั่วโมง จำ�นวน 4 ครั้ง รวม 4 ชั่วโมง จากน​ ั้นท​ ำ�การท​ ดสอบค​ วามร​ ูด้​ ้วยแ​ บบท​ ดสอบช​ ุดเ​ดียวกันท​ ั้งส​ องก​ ลุ่ม
โดยที่แ​ บบท​ ดสอบ​นี้​สร้าง​ขึ้นอ​ ย่างม​ ี​ความ​ตรง ความเ​ที่ยง และ​ความ​ยากใ​นร​ ะดับ​ที่น​ ่าเ​ชื่อ​ถือ

            2)	ความคลาดเ​คลอื่ นอ​ ยา่ งส​ ่มุ (random error) เป็น​ความคลาดเ​คลื่อนที่​เกิดก​ ับก​ ลุ่ม​ตัวอย่าง​
บางส​ ่วน ทำ�ให้​เกิด​ความ​ไม่​เท่า​กัน​ของโ​อกาส​ใน​การเ​กิด​ขึ้น​ของต​ ัวแปรแ​ ทรกซ้อน เช่น การค​ าด​เดาข​ องผ​ ู้​ถูก​
ทดลอง ความส​ นใจ อารมณ์ สุขภาพ​ร่างกาย เป็นต้น ความคลาดเ​คลื่อน​ชนิด​นี้​สามารถแ​ ก้ไข​โดย​การท​ ำ�ให​้
ทุก​กลุ่ม​ไม่​แตก​ต่าง​กัน​ตั้งแต่​เริ่ม​การ​ทดลอง​โดย​อาศัย​กฎ​การ​แจกแจง​ปกติ (normal distribution law)
หรือใ​ชก้​ ารค​ ำ�นวณห​ าค​ ่าส​ ถิตเิ​พื่อจ​ ัดก​ ระทำ�​กับค​ วามคลาดเ​คลื่อนน​ ีไ้​ด้ ค่าส​ ถิตทิ​ ีส่​ ามารถน​ ำ�​มาค​ วบคุมต​ ัวแปร​
แทรกซ้อนน​ ี้​ก็​คือ การ​วิเคราะห์​ความแ​ ปรปรวน​ร่วม (analysis of covariance) จะส​ ามารถป​ รับค​ ่าตัว​แปร​
ตาม​จาก​ลักษณะ​ที่แ​ ตกต​ ่างก​ ัน​ของก​ ลุ่มต​ ัวอย่างไ​ด้ ทำ�ให้​ผล​ที่ป​ รากฏ​เป็นผ​ ล​จากก​ ารท​ ดลอง​เท่านั้น
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29