Page 34 - การพัฒนาบทเรียนและสื่อการสอนภาษาอังกฤษ
P. 34

13-24 การพัฒนาบทเรียนและสื่อการสอนภาษาอังกฤษ

       จอล​ลีและ​โบ​ลิโธ (Jolly and Bolitho. 1998) ได้​นำ�​เสนอ​ปัญหา​ที่​พบ​ใน​การ​ใช้​หนังสือ​เรียน​ที่​
จัดพ​ ิมพ์โ​ดยส​ ำ�นัก​พิมพ์​ต่าง ๆ ซึ่ง​นำ�​มา​สู่ข​ ้อส​ รุปข​ อง​ข้อเ​สนอ​แนะ​ใน​การ​พัฒนาบ​ ทเ​รียน ดังนี้

       1. 	 ควร​มีก​ าร​ศึกษา​ความต​ ้องการ​เกี่ยว​กับบ​ ทเ​รียน (identified a need for materials) ของ​ผู้เ​รียน​
ทั้งนี้​เนื่องจาก​การ​เรียน​การ​สอน​ภาษา​อังกฤษ มี​แหล่งข​ องส​ ื่อ​มากมาย​ที่ผ​ ู้ส​ อน​สามารถน​ ำ�​มา​ใช้​ในบ​ ท​เรียน​ได้
ซึ่งใ​นก​ ารค​ ัดเ​ลือกส​ ื่อต​ ้องพ​ ิจารณาว​ ่าส​ ื่อน​ ั้นต​ ้องเ​ป็นส​ ื่อส​ ภาพจ​ ริง มีค​ วามห​ ลากห​ ลาย และภ​ าษาท​ ี่ใ​ช้ต​ ้องเ​ป็น​
ภาษาท​ ี่ม​ ีก​ ารใ​ช้อ​ ยู่จ​ ริง สามารถพ​ บเห็นไ​ด้ใ​นช​ ีวิตป​ ระจำ�​วันแ​ ละท​ ั้งหมดต​ ้องส​ อดคล้องก​ ับค​ วามต​ ้องการ และ​
ความ​สนใจ​ของผ​ ู้​เรียน

       2. 	 มีก​ าร​สำ�รวจเ​นื้อหา​ทาง​ภาษา (exploration) ที่​จะ​นำ�​มา​ใช้​ใน​บท​เรียน โดย​ก่อน​ที่​จะน​ ำ�​เนื้อหา​ใด​
มา​สอน​ควร​จะ​มี​การ​สำ�รวจ​เนื้อหา​ทาง​ภาษา​ใน​เรื่อง​นั้น ๆ เช่น ภาษา​ที่​ใช้​ใน​การ​สนทนา​ตาม​หน้าที่​ทาง​ภาษา​
ใน​เรื่อง​ต่าง ๆ ว่า​ครอบคลุม​ศัพท์ สำ�นวน โครงสร้างท​ ี่​จะ​ใช้​ใน​เรื่องน​ ั้น ๆ หรือ​เหมาะส​ ม​กับ​หน้าที่​ทาง​ภาษา​
หรือ​ไม่

       3. 	 มีค​ วาม​ตระหนัก​เกี่ยว​กับ​บริบท​ของบ​ ทเ​รียน (contextual realization) โดยพ​ ิจารณา​คัด​เลือก​
เนื้อหาท​ ี่​มี​ความ​สัมพันธ์ และ​เป็นส​ ิ่งท​ ี่​ใกล้​ตัวผู้เ​รียน เช่น เนื้อหาข​ อง​บท​อ่าน​ควรเ​ป็นเ​รื่อง​ที่​ผู้​เรียนม​ ีค​ วามร​ ู​้
พอม​ คี​ วามร​ ูอ้​ ยูบ่​ ้าง และไ​ม่มปี​ ระเด็นท​ างว​ ัฒนธรรมท​ ีจ่​ ะเ​ป็นป​ ัญหาใ​นก​ ารท​ ำ�ความเ​ข้าใจส​ ำ�หรับผ​ ูเ้​รียนท​ ีไ่​ม่ใช​่
เจ้าของภ​ าษา ซึ่ง​จะท​ ำ�ให้บ​ ทอ​ ่านไ​ม่น​ ่าส​ นใจ​และไ​ม่​สร้าง​แรงจ​ ูงใจใ​น​การ​เรียน

       4. 	 ความต​ ระหนักเ​กี่ยว​กับก​ ารส​ อน (pedagogical realization) โดยก​ ารพ​ ิจารณา​ความเ​หมาะ​สม​
ของ​กิจกรรม​ที่ใ​ช้ใ​น​การ​ฝึกฝนภ​ าษา เช่น มี​การใ​ห้​ข้อมูลเ​กี่ยวก​ ับ​บริบทข​ อง​สถานการณ์​ที่​เพียง​พอ​หรือไ​ม่ มี​
การ​เขียน​คำ�​สั่ง​ในก​ าร​ทำ�​กิจกรรม​ที่ช​ ัดเจนห​ รือ​ไม่ เพื่อไ​ม่​ให้ผ​ ู้เ​รียนเ​กิด​ความ​เข้าใจ​ผิด หรือป​ ฏิบัติก​ ิจกรรมท​ ี่​
ไม่​ตรงก​ ับ​จุด​ประสงค์​ของบ​ ท​เรียน เป็นต้น

       5. 	 รูป​ลักษณ์​ของ​บท​เรียน (physical appearance and production) โดย​การ​พิจารณา​ความ​
เหมาะส​ มในก​ ารจ​ ัดว​ างเ​นื้อหาส​ ่วนต​ ่าง ๆ ภายในบ​ ทเ​รียน ขนาดข​ องต​ ัวอ​ ักษร รูปภาพท​ ี่จ​ ะน​ ำ�​มาใ​ช้ ซึ่งจ​ ะท​ ำ�ให​้
บท​เรียนน​ ั้นม​ ี​ความ​น่าส​ นใจ

       พาร์โ​ดแ​ ละเ​ทลเลส (Pardo and Tèllez. 2009) กล่าวถ​ ึงแ​ นวทางส​ ำ�คัญใ​นก​ ารพ​ ัฒนาบ​ ทเ​รียนท​ ั้งส​ ิ้น
15 ข้อ​ซึ่ง​มี​บาง​ส่วน​ที่​คล้าย​กับ​แนวคิดข​ อง​ทอม​ ลิน​สัน (Tomlinson. 2001) ดังนี้​คือ

       1. 	 ต้อง​ส่ง​ผล​ต่อ​ผู้​เรียน โดยที่​บท​เรียน​ต้อง​มี​ความ​ทัน​สมัย หลาก​หลาย มี​วิธี​การนำ�​เสนอ และ​มี​
เนื้อหาเ​ป็น​ที่​น่าส​ นใจ

       2. 	 ช่วย​ให้ผ​ ู้เ​รียนร​ ู้สึกผ​ ่อนค​ ลาย เนื่องจาก​งานว​ ิจัยเ​กี่ยวก​ ับ​การ​เรียนก​ ารส​ อน​ภาษาท​ ี่ส​ องแ​ สดงใ​ห​้
เห็น​ว่าผ​ ู้​เรียนจ​ ะเ​รียนร​ ู้ไ​ด้​มากข​ ึ้น โดยใ​ช้เ​วลา​น้อย เมื่อ​เกิด​ความ​รู้สึกผ​ ่อน​คลาย​ในข​ ณะเ​ข้าร​ ่วมก​ ิจกรรมก​ าร​
เรียน​รู้

       3. 	 ช่วย​ให้​ผู้​เรียน​เกิด​ความม​ ั่นใจใ​นต​ ัว​เอง
       4. 	 ต้อง​มี​ความส​ ัมพันธ์แ​ ละผ​ ู้​เรียนร​ ู้สึกว​ ่า​สิ่ง​ที่เ​รียน​มี​ประโยชน์
       5. 	 ช่วยส​ ่ง​เสริม​การ​เรียน​รู้​ด้วยต​ นเองข​ อง​ผู้เ​รียน
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39