Page 137 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 137

กระบวนการ​ดำ�รง​ชีวิต 2-127

     ใน​การ​จับ​คู่​ของ​ยีน​นี้ ถ้า​ยีน​ใด​ยีน​หนึ่ง​เป็น​ลักษณะ​ด้อย​แล้ว ลักษณะ​ที่​แสดงออก​จะ​ผิด​ไป​ทันที​

ดังน​ ั้น ลักษณะย​ ีน H_D_ เท่านั้นท​ ี่จ​ ะท​ ำ�ให้ไ​ก่ม​ ีห​ งอนล​ ักษณะ (ง) ส่วนย​ ีน H_dd จะท​ ำ�ให้ม​ ีห​ งอนล​ ักษณะ (ก)

ยีน hhD_ จะท​ ำ�ใหม้​ หี​ งอนล​ ักษณะ (ค) และย​ ีน hhdd กจ็​ ะท​ ำ�ใหม้​ หี​ งอนล​ ักษณะ (ข) จะเ​ห็นไ​ดว้​ ่า ลูกท​ ีเ่​กิดจ​ าก​

กมาี​ถรึงผ​ 2สมลพ​ักเมษันื่อณธพ​ุข์​ะอิจท​างี่​ไรย​มณีน่​เหค​าด​มูใ่​นู​จือก​ะน​เรห​พณ็น่อที​ว​แ​ ีส่​่าลเ​าะมม​แื่อน​ม​มีจ้​่ ีอ​(ะFัลท​1ล​ำ�)ใีลแหล​ตล้​ัก่ก​ูกษลท​ณับีเ่​กไ​ะปิดเ​ดเ​ม​ห่นาม​ข(ือFอน2ง)​ทบ​มั้งรลี​ย​รักพีนษบHณุรุษะแแ​(ลตPะ)กหต​Dร่างือทก​อ​ั้งันาค​จไ​ู่ก​ปจ​็​จไ​ะะด​ไแ​มถ้​ส่​เึงหด4มงลล​ือักักนษษเ​ลณณยะะก​ ร​แ็ไ่วดลมะ้ ​​

กัน​ออกม​ าเ​ป็น​หงอน​ลักษณะ (ง) แต่​เมื่ออ​ ัล​ลีลข​ อง​ยีน​ใด​ยีน​หนึ่งเ​ป็นล​ ักษณะด​ ้อยค​ ู่ เช่น H_dd หรือ hhD_

ยีน​ที่​มีอัล​ลีล​ลักษณะ​เด่น​ก็​จะ​แสดงออก​ซึ่ง​ลักษณะ​ของ​ตัว​เอง​ออก​มา​ให้​เห็น​หรือ​เมื่อ​อัล​ลีล​ของ​ยีน​ทั้ง​คู่​เป็น​

ลักษณะด​ ้อย​คู่ก​ ็​จะ​แสดง​ลักษณะ​ด้อยน​ ั้น​ปรากฏอ​ อกม​ า

(ง)      ดังน​ ั้น  (ถก้า)ห​ตา่อกล​​จักะพ​ษณิจาะรณ(คา)​อตัต่อรล​าสัก่วษนณข​ ะอง(ขF)2ในท​อั้งัต4รลาักสษ่วนณ9ะแ​:3ล:3้ว:1โดเชย่นก​ ​การัน​คดำ�นังนวณี้ ​จะไ​ด้ห​ งอนล​ ักษณะ
     ต่อล​ ักษณะ
                 ลักษณะ ง.  	H_D_	 = ½ × ½ = 9/16
                 ลักษณะ ก. 	H_dd	 = ½ × » = 3/16
                 ลักษณะ ค. 	hhD_	 = » × ½ = 3/16
                 ลักษณะ ข.	 Hhdd	 = » × » = 1/16
     ลักษณะ​ต่อ​เนื่อง​มี​ยีน​จำ�นวน​มาก​ที่​ควบคุม​ลักษณะ​แต่ละ​ลักษณะ และ​ยีน​แต่ละ​ยีน​มี​อิทธิพล​ไม่​

เท่าเ​ทียม​กัน บ่อย​ครั้ง​ที่อ​ ิทธิพล​จาก​สิ่ง​แวดล้อมท​ ำ�ให้​เกิด​ความย​ ุ่งย​ ากต​ ่อ​การ​วิเคราะห์ข​ ้อมูล สมมติฐานก​ าร​

ถ่ายทอด​ลักษณะ​ทาง​พันธุกรรม​โดย​กลุ่ม​ยีน​มี​ประโยชน์​ใน​การ​อธิบาย​การ​ควบคุม​ลักษณะ​ทาง​พันธุกรรม​

ด้วยก​ ลุ่ม​ยีน
     3.3 	การ​ควบคุม​ลักษณะ​ทาง​พันธุกรรม​ด้วย​กลุ่ม​ยีน บาง​ลักษณะ​ของ​ลูก​หลาน​ที่​เกิด​มา​บาง​ครั้ง​
แตก​ต่าง​ไป​จาก​บรรพบุรุษ แม้แต่​การ​แสดงออก​ของ​ยีน​เพียง​คู่​เดียว​ก็​สามารถ​ทำ�ให้​ลูก​ที่​เกิด​มา​ไม่​เหมือน​

กับพ​ ่อแ​ ม่ ใน​สิ่งม​ ีช​ ีวิตช​ ั้น​สูง​การค​ วบคุม​ลักษณะพ​ ันธุกรรมซ​ ับซ​ ้อน​มิได้ต​ รง​ไปต​ รงม​ า อาจจ​ ะไ​ม่มี​ลักษณะ​ที่​

ปรากฏใ​ดๆ ที่​จะอ​ ยู่ภ​ าย​ใต้​การค​ วบคุม​ของย​ ีน​เพียงค​ ู่​เดียว
                 3.3.1 กลมุ่ ​ยีน​ท​ี่เปล่ียนแปลง​การ​ถา่ ยทอด​ลกั ษณะ​ทาง​พันธุกรรม โดยท​ ั่วไปแ​ ล้วล​ ักษณะ​ใดๆ
ก็ตาม ผูศ้​ ึกษาม​ ักจ​ ะถ​ ือว่าถ​ ูกค​ วบคุมด​ ้วยย​ ีนท​ ีม่​ อี​ ัลล​ ีล 1 คู่ เช่น สตี​ า กค็​ ิดก​ ันว​ ่าถ​ ูกค​ วบคุมด​ ้วยย​ ีนท​ ีม่​ อี​ ัลล​ ีล​

1 คู่ คือ B สำ�หรับต​ า​สีน​ ํ้าตาล และ b สำ�หรับ​ตา​สีฟ​ ้า เนื่องจาก B เป็น​ลักษณะเ​ด่น ดังน​ ั้น ผู้​ที่​มี​ลักษณะย​ ีน

BB หรือ Bb ก็​จะ​มีต​ าส​ ี​นํ้าตาล ส่วนผ​ ู้ท​ ี่ม​ ี​ลักษณะย​ ีน bb ก็จ​ ะม​ ี​ตา​สี​ฟ้า การข​ าด​สาร​เมล​ าน​ ิน​ใน​เนื้อเยื่อข​ อง​

ม่านตาท​ ำ�ให้ม​ ีแ​ ต่ส​ ารส​ ีด​ ำ�จ​ ับอ​ ยู่ด​ ้านห​ ลังข​ องม​ ่านตา เมื่อม​ องผ​ ่านเ​ข้าไปจ​ ะเ​ห็นเ​พียงจ​ างๆ ทำ�ให้ม​ องเ​ห็นเ​ป็น​

ตาส​ ีฟ​ ้า ส่วน​การท​ ี่ม​ ี​เมล​ า​นินจ​ ับ​อยู่​กับ​เยื่อ​ด้าน​หน้า​ของม​ ่านตา​ทำ�ให้ม​ อง​เห็นเ​ป็น​ตาส​ ี​นํ้าตาล

                 การ​ถ่ายทอด​ลักษณะ​ทาง​พันธุกรรม​ของ​สี​ตา​โดย​การ​ควบคุม​ของ​ยีน​เพียง​ยีน​เดียว​นี้ ไม่​ได้​ม​ี

สี​ตา​มี​เพียง 2 สี​เท่านั้น คือ สี​นํ้าตาล​และ​สี​ฟ้า แต่​ตา​สี​นํ้าตาล​หรือ​ตา​สี​ฟ้า​ยัง​มี​ขอบเขต​ความ​แก่​อ่อนข​อง​

สีแ​ ตกต​ ่างก​ ันอ​ อก​ไป มี​ตั้งแต่​สีน​ ํ้าตาล​อ่อน​ไป​จนถึง​สี​นํ้าตาลแ​ ก่ หรือส​ ี​ฟ้า​อ่อน​ไป​จนถึงส​ ี​ฟ้าแ​ ก่ หรือ​สี​เทาซ​ ึ่ง​

ก็​เป็น​สีห​นึ่ง​ที่​เกิด​จาก​ยีน​สี​ฟ้า หรือ​สี​ดำ�​ก็​เป็น​สีห​นึ่ง​ที่​เกิด​จาก​ยีน​สี​นํ้าตาล ดัง​นั้น การ​อธิบาย​ว่า​สี​ตา​นั้น​เกิด​

จาก​การ​ควบคุม​ของ​ยีน​เพียง​ยีน​เดียว​นั้น​ไม่​เป็นการ​เพียง​พอ น่า​จะ​มี​ยีน​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​มี​ผล​ทำ�ให้​การ​ถ่ายทอด​
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142