Page 136 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 136

2-126 การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์

       กรณี​ที่​สอง ยีน​ทั้ง​สอง​ที่​ควบคุม​ลักษณะ​ปรากฏ​เดียวกัน​อาจ​จะ​ข่ม​กัน​ได้​แต่​ไม่​สมบูรณ์ ทำ�ให้​เกิด​
ลักษณะ​กึ่งกลาง​ระหว่าง​พันธุ์​ที่​นำ�​มา​ผสม โดย​ยีน​หนึ่ง​สามารถ​ข่ม​การ​แสดง​ลักษณะ​ปรากฏ​ของ​อีก​ยีน​หนึ่ง
ตัวอย่างเ​ช่น ยีน​ที่​ควบคุม​การผ​ ลิตเ​มล​ า​นิน (melanin) ซึ่ง​เป็น​สาร​ที่ท​ ำ�ให้​เกิด​สีข​ นข​ อง​หนู​ตะเภาจ​ ะ​ข่ม​ยีนท​ ี​่
ควบคุมก​ าร​จับก​ ัน​ของส​ าร​เมล​ าน​ ิน ยีนท​ ี่​ควบคุม​การ​ผลิตเ​มล​ าน​ ินน​ ั้น​มี​อัล​ลีล​คู่ห​ นึ่ง คือ M ซึ่งเ​ป็นล​ ักษณะ​
เด่นท​ ี่ค​ วบคุมก​ ารผ​ ลิตส​ ี ส่วน m เป็นล​ ักษณะด​ ้อยท​ ำ�ให้ไ​ม่มีก​ ารผ​ ลิตส​ ี สำ�หรับอ​ ีกย​ ีนห​ นึ่งค​ วบคุมก​ ารจ​ ับข​ อง​
สีเ​ป็นผ​ ลใ​ห้ห​ นู​มีข​ นส​ ี​ดำ�น​ ั้น มี​อัล​ลีล​ลักษณะเ​ด่น B ส่วนอ​ ัล​ลีล​ลักษณะด​ ้อย b นั้น​ทำ�ให้​เม​ลา​นินจ​ ับ​ได้น​ ้อย​
กว่าป​ กติ ขนหนูก​ ็จ​ ะเ​ป็นส​ ีน​ ํ้าตาล จะเ​ห็นไ​ด้ว​ ่าย​ ีน M นั้นข​ ่มย​ ีน B อยู่ใ​นต​ ัว เนื่องจากถ​ ้าไ​ม่มีก​ ารส​ ร้างเ​มล​ าน​ ิน
(ในก​ รณีท​ ี่ย​ ีน​เป็น mm) แล้ว​ย่อมไ​ม่มีส​ ี​ไปจ​ ับ ดัง​นั้น หนู​ตะเภาท​ ี่ม​ ี​ยีน mm_ _ ก็​จะ​เป็น​หนูต​ ะเภา​เผือกไ​ปไ​ม​่
ว่าอ​ ีกย​ ีนห​ นึ่งจ​ ะเ​ป็น​ลักษณะเ​ด่น​หรือ​ลักษณะ​ด้อยก​ ็ตาม ส่วนห​ นูต​ ะเภาท​ ี่ม​ ีย​ ีน M_B_ ก็จ​ ะม​ ี​ขน​สี​ดำ� และห​ นู​
ตะเภาท​ ี่​มีย​ ีน M_bb ก็​จะม​ ี​ขนส​ ีน​ ํ้าตาล

       หาก​คำ�นวณด​ ูส​ ัดส่วน​ของ​แต่ละ​ลักษณะท​ ี่เ​กิด​ก็จ​ ะไ​ด้ด​ ังนี้
            ดำ�	 M_B_ 	 = 	 ½ × ½ 	 = 	 9/16
            นํ้าตาล	 M_bb  	= 	 ½ × »  	= 	 3/16
            	 mmB_ 	= 	 » × ½  	= 	 3/16
            						 4/16
            เผือก	 mmbb 	= 	 » × »  	= 	 1/16

       ดัง​นั้น อัตราส่วนข​ องห​ นู​ที่ม​ ี​ขน​ดำ� : นํ้าตาล : เผือก ก็จ​ ะเ​ท่ากับ 9:3:4
       กรณีท​ ี่​สาม ยีนท​ ั้ง​สองม​ ีอ​ ิทธิพล​ต่อก​ ารแ​ สดงออกข​ องล​ ักษณะเ​ฉพาะร​ ่วม​กันเ​ป็นผ​ ลใ​ห้เ​กิดล​ ักษณะ​
ปรากฏ​เพียงล​ ักษณะ​เดียว โดยที่ย​ ีน​ใดย​ ีนห​ นึ่ง​ไม่​สามารถ​ทำ�ให้​เกิด​ลักษณะด​ ัง​กล่าวข​ ึ้นม​ าไ​ด้เ​อง จำ�เป็นต​ ้อง​
อาศัย​ยีน​ที่เ​ป็นล​ ักษณะ​เด่น​อยู่​ด้วย​กัน ตัวอย่าง​เช่น การ​ควบคุมล​ ักษณะ​หงอน​ของ​ไก่ โดย​ปกติแ​ ล้ว ยีน​หนึ่ง​
ลักษณะเ​ด่น (H) จะท​ ำ�ใหเ้​กิดห​ งอนแ​ บบ (ก) (ดภู​ าพท​ ี่ 2.45) ส่วนอ​ ีกย​ ีนห​ นึ่งม​ ลี​ ักษณะเ​ด่น (D) ทำ�ใหเ้​กิดห​ งอน​
ลักษณะ (ค) แต่เ​มื่อล​ ักษณะเ​ด่น D และ H อยู่ด​ ้วย​กัน​จะท​ ำ�ให้​เกิด​หงอน​อีกล​ ักษณะห​ นึ่งข​ ึ้น​มา​คือ ลักษณะ
(ง) สำ�หรับล​ ักษณะด​ ้อย h และ d เมื่ออ​ ยู่ด​ ้วย​กัน​ก็จ​ ะ​เกิดห​ งอน​ลักษณะ (ข)

                 ภาพท​ ี่ 2.45 ยนี ​ทีม่​ อ​ี ิทธพิ ลต​ อ่ ก​ าร​แสดงออกข​ อง​ลักษณะ​เฉพาะ​ร่วม​กัน
   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141