Page 27 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 27
การพัฒนาห ลักสูตรภ าษาอังกฤษ 7-17
การประยุกต์ใช้ในการจ ัดการเรยี นก ารสอน
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connection Theory) สามารถนำ�ไป
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นก ารจ ดั การเรยี นก ารส อน ดงั นี้ (ทศิ น า แขมม ณี 2552: 51-52; Demirezen, 1988: 135-140)
1) การเปิดโอกาสให้ผ ู้เรียนได้ล องผ ิดล องถ ูกด ้วยต นเองบ ้าง จะเป็นการช ่วยให้ผ ู้เรียน
เกิดก ารเรียนร ู้ในก ารแ ก้ไขป ัญหา โดยส ามารถจ ดจำ�ผลจ ากก ารเรียนร ู้ได้ด ี เช่น ในก ารเรียนร ู้ก ารอ อก
เสียงภ าษาอ ังกฤษแ บบล องผ ิดล องถ ูกข องเด็ก เมื่ออ อกเสียงถ ูกต ้องก ็จ ะได้ร ับก ารเสริมแ รงด ้วยก ารท ี่
ครูให้การยอมรับหรือแสดงความเข้าใจในสิ่งที่เด็กพูด แต่ถ้าออกเสียงผิดก็จะไม่ได้รับการเสริมแรง
ในท างบ วก ด้วยว ิธีก ารน ี้เด็กจ ะค ่อยๆ พัฒนาการอ อกเสียงให้ให้ด ีข ึ้นจ นในท ี่สุดส ามารถอ อกเสียงได้
ถูกต้องเหมาะสมห รือใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาม ากท ี่สุด
2) การสำ�รวจความพร้อมหรือการสร้างความพร้อมทางการเรียนให้แก่ผู้เรียนเป็น
สิ่งจำ�เป็นที่ต้องดำ�เนินการก่อนการเรียนเสมอ เช่น การสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้
อยากเห็น การเชื่อมโยงความรู้เดิมม าสู่ความรู้ใหม่ การส ำ�รวจค วามรู้ใหม่ การส ำ�รวจความร ู้พื้นฐ าน
เพื่อดูว ่าผ ู้เรียนมีค วามพ ร้อมที่จ ะเรียนบทเรียนต่อไปได้หรือไม่
3) หากต้องการให้ผู้เรียนเกิดทักษะในเรื่องใดแล้ว ต้องให้มีความรู้และความเข้าใจใน
เรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ และให้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสมํ่าเสมอ เช่น ในการเรียนภาษาอังกฤษซึ่ง
เป็นการพัฒนาทักษะ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นอย่างถูกต้องและคงทนถาวรหากผู้เรียนได้รับการฝึกฝน
อย่างจ ริงจังแ ละกระทำ�ซํ้าบ ่อยๆ
4) เมื่อผ ู้เรียนเกิดก ารเรียนร ู้แ ล้ว ควรฝ ึกให้น ำ�การเรียนร ู้นั้นไปใช้ เช่น การนำ�คำ�ศัพท์
และสำ�นวนภ าษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตป ระจำ�วัน ดังน ั้นการจัดกิจกรรมก ารเรียนร ู้ควรเน้นการใช้ภ าษา
เพื่อการส ื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ได้อ ย่างเหมาะสม
5) การใหผ้ ูเ้รียนไดร้ ับผ ลท ีน่ ่าพ ึงพ อใจ จะช ่วยให้การเรียนก ารส อนป ระสบค วามส ำ�เร็จ
การให้แ รงเสริมในท างบ วก (Positive Reinforcement) หรือก ารให้ร างวัล (Rewards) ซึ่งอ าจเป็น
คำ�พูด สิ่งของ หรือสภาพก ารณท์ ีจ่ ะช ่วยท ำ�ใหเ้กิดก ารเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความกระหายใครร่ ูแ้ ละ
ความพ ึงพ อใจ อันจะนำ�ไปสู่ความสำ�เร็จ
2. ทฤษฎกี ารว างเงอื่ นไขแ บบค ลาสส กิ (Classical Conditioning Theory) ผูร้ ิเริ่มต ั้งท ฤษฎีน ี้
คือ อีว าน พาฟลอฟ (Ivan Pavlov) นักส รีรวิทยาช าวรัสเซียท ี่ม ีชื่อเสียง (1849-1936) เขาม ีความสนใจ
ในพฤติกรรมน ํ้าลายไหลของส ุนัขก ่อนที่ได้ร ับอาหาร และได้ทำ�การศึกษาท ดลองในเรื่องนี้โดยการให้
ผงเนื้อซ ึ่งถือว่าเป็นส ิ่งเร้าต ามธ รรมชาติ/อัตโนมัติ/ไม่ได้ว างเงื่อนไข (Unconditioned Stimulus) แก่
สุนัข ควบคู่ก ับก ารส ั่นก ระดิ่ง ซึ่งเป็นส ิ่งเร้าท ี่ว างเงื่อนไข (Conditioned Stimulus) เขาท ำ�ซํ้าค วบคู่ก ัน
หลายครั้ง และในที่สุดเขาห ยุดให้อ าหารเหลือเพียงแต่ส ั่นกระดิ่ง ปรากฏ ว่าส ุนัขนํ้าลายไหลเมื่อได้ยิน
เสียงกระดิ่งอย่างเดียว เป็นการตอบสนองที่ถูกวางเงื่อนไข (Conditioned Response) สรุปได้ว่า
การเรียนรู้ข องสุนัขเกิดจากก ารเชื่อมโยงร ะหว่างผงเนื้อบด เสียงกระดิ่ง และพฤติกรรมนํ้าลายไหล