Page 29 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 29
การพ ัฒนาห ลักสูตรภาษาอังกฤษ 7-19
1) การเรียนร ูส้ ามารถเกิดข ึ้นได้ หากใชว้ ิธเี สนอก ิจกรรมก ารเรยี นร ูไ้ ปพ ร้อมๆ กบั ส ิ่งเร้า
ที่ผ ู้เรียนชอบต ามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ครูรู้ว่าผู้เรียนม ีค วามชอบส ่วนตัวในเรื่องการเลี้ยงสุนัข การ
ท่องเที่ยว หรือการร ้องเพลง ครจู ึงจ ัดก ิจกรรมก ารฝ ึกพ ูดภ าษาอ ังกฤษ (Speaking) โดยใหเ้ด็กเตรียม
หาข้อมูลและคำ�ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตนชอบเหล่านั้น เพื่อนำ�มาเสนอในชั่วโมงการเรียนภาษา
อังกฤษ
2) การจ ดั ก จิ กรรมก ารเรยี นร ทู้ ตี่ อ่ เนอื่ งแ ละม ลี กั ษณะค ลา้ ยคลงึ ก นั สามารถท �ำ ใหผ้ เู้ รยี น
เกิดก ารเรียนร ู้ได้ง ่ายขึ้น เพราะมีก ารถ่ายโยงประสบการณ์เดิมก ับประสบการณ์ใหม่ ตัวอย่างเช่น ใน
การจ ดั ก จิ กรรมก ารอ า่ นภ าษาอ งั กฤษ (Reading) ครอู าจจ ะค ดั เลอื กเรือ่ งท มี่ คี วามย ากง า่ ยใกลเ้ คยี งก นั
และม ลี กั ษณะค ล้ายคลึงก นั ใหเ้ด็กไดอ้ า่ นแ ละท �ำ กิจกรรมร ว่ มก นั เพื่อเสริมส ร้างค วามเขา้ ใจในก ารอ ่าน
ตลอดจ นเรียนรู้ค ำ�ศัพท์ท ี่เชื่อมโยงกันอ ย่างต ่อเนื่อง ทำ�ให้เกิดก ารเรียนรู้ได้เร็วข ึ้น เรื่องที่อ ่านอาจเป็น
เรื่องที่เกี่ยวข้องก ับช ีวิตประจำ�วัน สิ่งแ วดล้อม หรือว ัฒนธรรมข องประเทศต่างๆ ที่นักเรียนสนใจ
3) การสรุปความเหมือนและการแยกความแตกต่าง เช่น การอ่านและการสะกดคำ�
(Reading and Spelling) ผู้เรียนที่สามารถส ะกดค ำ�ว่า “round” ก็ค วรจะเรียนคำ�ทุกคำ�ที่อ อกเสียง
o-u-n-d ไปในข ณะเดยี วกนั ได้ เชน่ ค �ำ วา่ found, bound, sound, ground แตค่ �ำ วา่ wound (บาดแผล)
นั้นไม่ค วรเอาเข้ามารวมกับคำ�ที่อ อกเสียง o-u-n-d และควรฝ ึกให้รู้จักแ ยกค ำ�นี้อ อกจ ากกลุ่ม
3. ทฤษฎกี ารว างเง่ือนไขแ บบโอเปอรแ์ รนต์ (Operant Conditioning Theory) หรือทฤษฎี
การวางเงื่อนไขแบบการกระทำ�พัฒนาขึ้นโดย บี เอฟ สกินเนอร์ (B.F. Skinner) นักจิตวิทยาที่มี
ชื่อเสียงชาวอเมริกัน (1904-1990) โดยมีแนวคิดพื้นฐานว่า การเรียนรู้เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขและ
สภาวะแ วดล้อมท ี่เหมาะส ม ทฤษฎนี ี้พ ัฒนาม าจ ากท ฤษฎีข อง พาฟ ลอฟ และธ อ ร์นไดค์ โดยส กินเนอร ์
มองว่าพฤติกรรมของมนุษย์เป็นพฤติกรรมที่กระทำ�ต่อสิ่งแวดล้อมของตนเองและพฤติกรรม
ของมนุษย์จะคงอยู่ตลอดไป จำ�เป็นต้องมีการเสริมแรง ซึ่งการเสริมแรงนี้มีทั้งการเสริมแรงทางบวก
(Positive Reinforcement) และการเสริมแรงท างลบ (Negative Reinforcement)
การเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcement) หมายถึง การกระทำ�ที่ทำ�ให้เกิดความ
พ ึงพ อใจก ับผู้เรียนเช่น การให้คำ�ชมเชย หรือการให้ร างวัล ความพ ึงพ อใจนั้นทำ�ให้เกิดการต อบส นอง
ที่ต้องการมากครั้งขึ้นหรือตอบสนองอย่างเข้มข้นข ึ้น
การเสรมิ แ รงท างล บ(NegativeReinforcement) หมายถ งึ การกร ะท �ำ ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ ก ารเปลย่ี นแปลง
หรือปรับสภาวะทางลบให้ลดน้อยลงไปหรือหมดไป แล้วเพิ่มแนวโน้มการตอบสนองที่ต้องการ เช่น
การทำ�แบบทดสอบย่อย (Quiz) ตอนต้นชั่วโมง จะทำ�ให้ผู้เรียนปรับพฤติกรรมให้มาทันเวลาและใน
ที่สุดก็จะหยุดพฤติกรรมก ารมาส าย
สกินเนอร์ให้ความสำ�คัญเป็นอย่างยิ่งในเรื่องการเสริมแรงกับการเรียนรู้ โดยได้แบ่งวิธีการ
เสริมแรงออกเป็น 2 วิธี คือ