Page 31 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 31
การพัฒนาหลักสูตรภาษาอ ังกฤษ 7-21
1) ควรใช้การเสริมแรงมากกว่าการลงโทษ เพราะการเสริมแรงจะช่วยเพิ่มอัตราการ
ตอบสนองที่เหมาะสม ส่วนการลงโทษจะเป็นการป้องกันหรือหยุดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ได้เพียง
ชั่วคราว การลงโทษที่รุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้เรียน ทำ�ให้ไม่ได้เรียนรู้หรือจำ�สิ่งที่เรียนรู้
ไม่ไ ด้
2) ควรใช้ว ิธีการเสริมแรงท ี่เหมาะสมในก ารสอนเด็กเล็ก ครูค วรจ ัดก ิจกรรมก ารเรียน
รู้ท ี่เด็กส ามารถทำ�ได้และค รูควรให้การเสริมแ รงอ ย่างส มํ่าเสมอ ส่วนการส อนเด็กโตนั้นก ารเว้นร ะยะ
การเสริมแรงอย่างไม่เป็นระบบหรือเปลี่ยนรูปแบบการเสริมแรงจะช่วยให้การตอบสนองของผู้เรียน
คงทนถ าวร
3) ในการเปลี่ยนพฤติกรรม หรือปลูกฝังนิสัยให้แก่ผู้เรียน ควรแยกแยะขั้นตอนของ
ปฏิกิริยาตอบสนองออกเป็นลำ�ดับขั้น โดยพิจารณาให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียน เช่น
เมื่อต้องการสอนให้ผู้เรียนส าม าร ถเขียน ราย งาน (Report Writing) ได้อ ย่างม ีป ระสิทธิภาพ ครูควร
นำ�พฤติกรรมท ี่ต ้องการม าจ ำ�แนกเป็นพฤติกรรมย ่อย เช่น การก ำ�หนดร ูปแ บบ การก ำ�หนดโครงสร้าง
การใช้ภ าษา การอ ้างอิงแ หล่งข้อมูล การอ่านแผนผัง การเปรียบเทียบข ้อมูล และการให้ข ้อเสนอแ นะ
ต่อไปจึงพิจารณาแรงเสริมที่จะให้แก่ผู้เรียน เช่น การให้คำ�ชมเชย การให้คะแนน การให้ทำ�งานร่วม
กัน การให้โอกาสน ำ�เสนอผลงาน เป็นต้น เมื่อน ักเรียนแสดงพ ฤติกรรมที่พึงประสงค์—เขียนรายงานท ี่
มีป ระสิทธิภาพ—ก็จ ะได้ร ับก ารเสริมแรงท ี่เหมาะส มทันที
กล่าวโดยส รุป บทเรียนในเรื่องท ี่ 7.2.1 เป็นการน ำ�เสนอแ นวคิดท ี่ส ำ�คัญข องท ฤษฎีก ารเรียนร ู้
กลุ่มพ ฤติกรรมน ิยม (Behaviorism) ทฤษฎีการเชื่อมโยงข องธ อ ร์นไดค์ (Thorndike’s Connection
Theory) เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจากการที่ผู้เรียนสามารถสร้างความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงระหว่าง
สิง่ เรา้ (Stimulus – S) กบั ก ารต อบส นอง (Response – R) บคุ คลจ ะล องถ กู ล องผ ดิ ป รบั เปลีย่ นไปเรือ่ ยๆ
จนกว่าจะพบรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดเพียงรูปแบบดียว กฎการเรียนรู้ภายใต้ทฤษฎีนี้ คือ กฎแห่ง
ความพ ร้อม (Law of Readiness) กฎแ ห่งก ารฝึก (Law of Practice) กฎแ ห่งก ารใช้ (Law of Use
and Disuse) และกฎแ ห่งผ ลที่พึงพ อใจ (Law of Effect)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก (Classical Conditioning Theory) ของพาฟลอฟ
เชื่อว่า (1) พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์เกิดจากการวางเงื่อนไขท ี่ตอบสนองต่อความต้องการ
ตามธรรมชาติ (2) พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์สามารถเกิดขึ้นได้จากสิ่งเร้าที่เชื่อมโยงกับ
สิ่งเร้าต ามธ รรมชาติ (3) พฤติกรรมการตอบส นองของม นุษย์ที่เกิดจ ากส ิ่งเร้าท ี่เชื่อมโยงก ับส ิ่งเร้าต าม
ธรรมชาตจิ ะล ดล ง เรื่อยๆ และห ยุดล งในท ี่สุดห ากไมไ่ดร้ ับก ารต อบส นองต ามธ รรมชาติ (4) พฤติกรรม
การต อบส นองข องม นษุ ยท์ ีเ่กิดจ ากส ิ่งเรา้ ท ีเ่ชือ่ มโยงก บั ส ิง่ เร้าต ามธ รรมชาตจิ ะล ดล งแ ละห ยุดไปเมือ่ ไม่
ได้รับการตอบสนองตามธรรมชาติ และจะกลับมาปรากฏขึ้นได้อีกโดยไม่ต้องใช้สิ่งเร้าตามธรรมชาติ
(5) มนุษย์มีแนวโน้มที่จะรับรู้สิ่งเร้าที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน และจะตอบสนองเหมือนๆ กัน และ