Page 30 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 30

7-20 สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ

      การ​ให้การ​เสริม​แรง​อย่าง​ต่อ​เนื่อง (Continuous Reinforcement) เป็นการ​ให้การ​เสริม​แรง​
ทุก​ครั้ง​ที่​ผู้​เรียน​แสดง​พฤติกรรม​ที่​พึง​ประสงค์ เช่น การ​ให้การ​เสริม​แรง​ทุก​ครั้ง​ที่​เด็ก​ตั้งใจ​อ่าน
​ออกเ​สียง ทำ�ให้​เกิดก​ าร​เรียน​รู้​ได้​อย่าง​รวดเร็ว แต่​พฤติกรรม​นี้​จะ​ไม่​คงทน หาก​งดก​ าร​เสริมแ​ รง

      การ​ให้การ​เสริม​แรงเ​ป็น​ครั้งค​ ราว (Partial Reinforcement) เป็นการใ​ห้การเ​สริม​แรง​ที่​ไม่ไ​ด้​
ให้​ทุก​ครั้ง​ที่​ผู้​เรียนแ​ สดงพ​ ฤติกรรมท​ ี่​พึง​ประสงค์ ซึ่งม​ ี​ผล​ต่อ​การ​แสดง​พฤติกรรมท​ ี่​ต่าง​กัน คือ หาก​
เป็นการเ​สริมแ​ รงต​ ามช​ ่วงเ​วลาท​ ี่แ​ น่นอนจ​ ะท​ ำ�ให้เ​กิดพ​ ฤติกรรมท​ ี่พ​ ึงป​ ระสงค์ห​ รือเ​กิดก​ ารเ​รียนร​ ู้อ​ ย่าง​
รวดเร็ว ต่อ​จาก​นั้น​จะ​ลด​ลง​และ​อยู่​ใน​ระดับ​ตํ่า​จนกว่าจ​ ะ​มี​การ​เสริม​แรง​ใน​ครั้ง​ต่อ​ไป เช่น ถ้า​จัด​ให้​มี​
การส​ อบย​ ่อยท​ ุกว​ ันศ​ ุกร์ นักเรียนบ​ างค​ นอ​ าจจ​ ะเ​ริ่มท​ บทวนบ​ ทเ​รียนใ​นว​ ันพ​ ฤหัสเ​พื่อเ​ตรียมต​ ัวส​ อบใ​น​
วันศ​ ุกร์ หลังจ​ าก​นั้นจ​ ะ​ไม่​อ่าน​หรือ​ทบทวนห​ นังสืออ​ ีก​จนกว่าจ​ ะถ​ ึง​วัน​พฤหัส วิธี​ที่จ​ ะ​ให้​ผล​ดี​คือ​จัดการ​
สอบ​ย่อยต​ ามช​ ่วงเ​วลาท​ ี่ไ​ม่แ​ น่นอน (Eggen & Kauchak, 2004)

      เมื่อ​เปรียบ​เทียบ​การเ​สริมแ​ รง (Reenforcement) กับก​ ารล​ งโทษ (Punishment) จะ​มีค​ วาม​
แตกต​ ่างก​ ัน คือ การเ​สริมแ​ รงท​ ั้งท​ างบ​ วกแ​ ละท​ างล​ บเ​ป็นการเ​พิ่มก​ ารต​ อบส​ นองท​ ีเ่​ป็นที่ต​ ้องการใ​หม้​ าก​
ขึ้น​หรือ​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม​ให้​เป็น​ไป​ใน​ทาง​บวก​มาก​ขึ้น ส่วน​การ​ลงโทษ​นั้น​เป็นการ​ลด​พฤติกรรม​
ที่ไ​ม่เ​ป็นท​ ี่ต​ ้องการใ​ห้น​ ้อยล​ งห​ รือห​ มดไ​ป เช่น เมื่อน​ ักเรียนไ​ม่ท​ ่องศ​ ัพท์ม​ า​ทำ�ให้เ​ขียนเ​รียงค​ วามไ​ม่ไ​ด้
นักเรียน​จะ​ถูก​ทำ�โทษ​โดย​ให้​ออก​ไป​อยู่​นอก​ห้องเรียน โดย​ครู​คิด​ว่าการ​ทำ�โทษ​จะ​ทำ�ให้​นักเรียน​หยุด​
พฤติกรรมก​ ารไ​ม่ท​ ่องค​ ำ�​ศัพท์ อย่างไรก​ ็ตามก​ ารทำ�โทษใ​ห้อ​ อกน​ อกช​ ั้นเ​รียนจ​ ะท​ ำ�ให้ผ​ ู้เ​รียนเ​สียโ​อกาส​
ที่​จะ​ปฏิสัมพันธ์ก​ ับ​เพื่อน ดังน​ ั้นก​ ารท​ ำ�โทษ​อาจใ​ช้ได้ผ​ ล​ใน​การ​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม หาก​ได้​นำ�​ไปใ​ช้​
อย่าง​เหมาะ​สม (Skiba & Raison 1990; White & Bailey, 1990)

      จากก​ าร​ศึกษาข​ องส​ กิน​เนอร​ ์​นั้น สามารถส​ รุป​เป็นท​ ฤษฎีก​ าร​เรียนร​ ู้ ได้ด​ ังนี้ (ทิศ​นา 2552: 57)
      ทฤษฎก​ี าร​เรียนร​ ู้

           1) 	การก​ระ​ทำ�​ใดๆ ถ้า​ได้ร​ ับ​การ​เสริมแ​ รง จะม​ ี​แนว​โน้มท​ ี่จ​ ะ​เกิด​ขึ้นอ​ ีก ส่วนก​ ารก​ระ​ทำ�​
ที่ไ​ม่มีก​ ารเ​สริม​แรง แนว​โน้ม​ที่​ความถี่​ของ​การก​ระ​ทำ�​นั้นจ​ ะล​ ดล​ ง​และห​ าย​ไปใ​นท​ ี่สุด

           2) 	การเ​สริม​แรง​ที่​แปรเ​ปลี่ยน​ทำ�ให้ก​ าร​ตอบส​ นองค​ งทนก​ ว่า​การเ​สริมแ​ รง​ที่​ตายตัว
           3) 	การ​ลงโทษท​ ำ�ให้​เรียนร​ ู้​ได้เ​ร็วแ​ ละล​ ืมเ​ร็ว
           4)	 การ​ให้​แรง​เสริม​หรือ​ให้​รางวัล​เมื่อ​ผู้​เรียน​กระทำ�​พฤติกรรม​ที่​ต้องการ สามารถ​ช่วย​
ปรับห​ รือ​ปลูกฝ​ ังน​ ิสัย​ที่​ต้องการ​ได้
      การ​ประยกุ ต​์ใช้ใ​นก​ าร​จดั การเ​รยี นก​ าร​สอน
      ทฤษฎีก​ ารว​ างเ​งื่อนไข​แบบ​โอเ​ปอร์​แรนต์ (Operant Conditioning Theory) สามารถน​ ำ�​ไป​
ใช้​ในก​ าร​จัดการเ​รียนก​ ารส​ อน​ได้​ดังนี้
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35