Page 33 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 33
การพัฒนาห ลักสูตรภาษาอ ังกฤษ 7-23
เรอ่ื งท ่ี 7.2.2 ทฤษฎีการเรียนร กู้ ลุม่ ปญั ญาน ยิ ม (Cognitivism)
ทฤษฎกี ารเรียนร ูก้ ลุ่มป ัญญาน ิยม (Cognitivism) ใหค้ วามส ำ�คัญก ับก ระบวนการท างป ัญญา
หรือกระบวนการคิด นักทฤษฎีกลุ่มนี้ม ีความเชื่อท ี่แตกต ่างจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism)
คือ เชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการ
ตอบสนองต่อสิ่งเร้าเท่านั้น แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการคิดที่มีความซับซ้อนมากกว่า
กลุม่ ป ญั ญาน ยิ มเนน้ ก ารศ กึ ษาเกีย่ วก บั ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งส ิง่ เรา้ ภ ายนอก (สง่ ผ า่ นโดยส ือ่ ต า่ ง ๆ) กบั ส ิง่
เร้าภ ายใน ซึ่งได้แก่ ความร ู้ความเข้าใจ หรือกระบวนการค ิด (Cognitive Process) ที่ช ่วยส่งเสริมก าร
เรียนร ู้ ขอบเขตท ี่เกี่ยวข้องก ับก ระบวนการค ิด ได้แก่ ความใส่ใจ (Attending) การร ับร ู้ (Perception)
การจำ�ได้ (Remembering) การคิดอย่างมีเหตุผล (Resoning) การจินตนาการ (Imagining) การ
คาดการณ์ล่วงหน้า (Anticipating) การต ัดสินใจ (Decision) การแ ก้ปัญหา (Problem Solving)
การวิเคราะห์ (Analysis) และก ารส ังเคราะห์ (Synthesis) เป็นต้น
เอกเกน และค อเชก (Eggen & Kauchak, 2004: 237-238) ได้ก ล่าวถึงหลักก ารที่สำ�คัญของ
ทฤษฎีการเรียนร ู้ก ลุ่มป ัญญานิยม (Cognitivism) 4 ประการ ดังนี้
1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม (Cognitivism) มีความเชื่อว่าผู้เรียนมีความ
กระตือรือร้นในการเรียนรู้ห รือเป็นผู้เรียนเชิงรุก (Learners Are Active) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด
ของเพียเจท์ (Piaget) และวีก็อทสกี้ (Vygotsky) ในเรื่องการพัฒนาการของผู้เรียน (Learner
Development) ที่แ สดงให้เห็นว ่าผ ู้เรียนมิได้ต อบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงแ ค่ก ารได้ร ับก ารเสริมแ รงหรือ
การล งโทษเทา่ นัน้ แตม่ กี ารส บื คน้ ข อ้ มลู เพือ่ ค น้ หาค �ำ ตอบ การป รบั เปลีย่ นค วามเขา้ ใจท มี่ อี ยเู่ ดมิ ใหเ้ ปน็
ไปตามความร ู้ใหม่ท ี่ได้รับ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ส อดคล้องกับค วามเข้าใจที่เพิ่มขึ้น
2. ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผู้เรียนสามารถเข้าใจประสบการณ์ใหม่จากความรู้เดิมที่มีอยู่
(Understanding Depends on What Learners Know) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยมเน้น
การเชื่อมโยงระหว่างป ระสบการณ์ใหม่กับป ระสบการณ์เดิม ดังน ั้นผ ู้เรียนส ามารถเรียนร ู้ส ิ่งต่างๆ ได้
ง่ายข ึ้น หากม ีก ารนำ�สิ่งน ั้นไปเชื่อมโยงกับค วามร ู้เดิมที่มีอยู่
3. ผเู้ รยี นม พี ฤตกิ รรมท จี่ ะส รา้ งค วามร ูม้ ากก วา่ ท จี่ ะบนั ท กึ ท กุ ส ิง่ ท เี่ รยี นไวใ้ นส มอง (Learners
Construct Rather Than Record Understanding) กลา่ วคอื ผูเ้ รียนใชค้ วามร ูเ้ ดิมห รอื ป ระสบการณ์
ที่มีอยู่ในการสร้างความเข้าใจกับสิ่งที่ได้ฟังหรือได้อ่าน ซึ่งในบางครั้งผู้เรียนอาจจะต้องได้รับ
ประสบการณ์ท ี่ม ากพ อเพื่อส ามารถส ร้างความร ู้ใหม่ให้ม ีความห มายท ี่ครบถ ้วนแ ละถ ูกต ้อง