Page 38 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 38
7-28 สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
Social Constructivism ได้ร ับอิทธิพลส่วนใหญ่มาจากผลงานข องวีก็อทสกี้ (Vygotsky’s
1978 Work) แนวคิดนี้เน้นกระบวนการสร้างความรู้โดยการมีปฏิสัมพันธ์ในบริบทของสังคมและ
วัฒนธรรม ดังนั้นการเรียนรู้แบบค้นพบ (Discovery Learning) การเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวน
(Inquiry Learning) การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) และการอภิปราย
(Discussion) จะส่งผ ลต ่อก ารส ร้างค วามร ู้ โดยในก ระบวนการเรียนร ู้นั้น ผู้เรียนไม่ส ามารถเรียนต าม
ล�ำ พงั ได้ แตต่ อ้ งแ ลกเปลีย่ นเรยี นร กู้ บั เพือ่ นแ ละค น้ ควา้ ห าความร จู้ ากแ หลง่ เรยี นร ตู้ า่ งๆ ทงั้ จ ากค รผู สู้ อน
ครอบครัว และช ุมชน
นอกจากนี้ วีก็อทสกี้ยังเน้นความสำ�คัญความแตกต่างระหว่างบุคคล และการให้ความช่วย
เหลือช ี้แนะ (Scaffolding) ให้ก ้าวหน้าจ ากร ะดับพัฒนาการท ี่เป็นอยู่ (Actual Development Level)
ไปถ ึงร ะดับพ ัฒนาการท ีม่ ศี ักยภาพจ ะไปถ ึงได้ (Potential Development Level) ซึ่งช ่วงห ่างน ี้ เรียกว ่า
Zone of Proximal Development แนวคิดดังกล่าวน ี้ส่งผ ลต ่อก ารเปลี่ยนแปลงในการจัดการเรียน
การสอนที่จะต้องน ำ�หน้าระดับพ ัฒนาการข องผ ู้เรียนเสมอ
ดังน ั้น หลักก ารที่ส ำ�คัญของท ฤษฎีก ารสร้างค วามรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) สามารถ
สรุปไ ด้ดังนี้
1. การเรยี นร เู้ ปน็ กร ะบ วนก ารเชงิ ร กุ (Active Process) ที่ผ เู้ รยี นน �ำ ขอ้ มลู ห รอื ค วามร ทู้ ี่
ไดร้ บั ม าสร า้ งค วามห มายด ว้ ยต นเอง ดงั น ัน้ บทบาทข องผ เู้ รยี นจ งึ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผ ูร้ บั ค วามร หู้ รอื จ ดจ�ำ ความ
รูท้ ีค่ รสู อนใหแ้ ตเ่ป็นผ ูส้ ร้างค วามร ูด้ ้วยต นเอง โดยผ ่านก ระบวนการซ ึมซับห รือด ูดซ ึม (Assimilation)
และก ระบวนการป รับโครงสร้างท างป ัญญา (Accommodation)
2. การเรียนรู้ส ิ่งใหม่ๆ ได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ห รือค วามร ู้เดิม
ที่ม ีอยู่ หากผู้เรียนมีความร ู้เดิมม ากก ็จะช่วยให้เรียนร ู้ได้ม ากขึ้นด้วย ดังน ั้นก ารจ ัดป ระสบการณ์แ ละ
การส ร้างแรงจ ูงใจให้ผ ู้เรียนก ็เป็นปัจจัยส ำ�คัญที่ส ามารถส ่งเสริมการเรียนรู้ได้
3. ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การร ่วมม ือ และก ารแลกเปลี่ยนค วามร ู้เป็นส ิ่งสำ�คัญท ี่ท ำ�ให้
เกิดก ารเรียนร ู้ และจ ะท ำ�ให้ก ารเรียนรู้ซ ับซ้อนแ ละหลากห ลายข ึ้น
4. การเรียนรู้ท ี่ม ีค วามหมายจ ะเกิดข ึ้นได้ห ากส ิ่งท ี่ได้เรียนรู้เป็นส ิ่งท ี่เป็นค วามจริงแ ละ
สามารถนำ�ไปใช้น อกห้องเรียนได้
การป ระยกุ ตใ์ ช้ในการจ ัดการเรียนก ารสอน
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) สามารถน ำ�ไปใช้ในการจัดการเรียน
การส อนได้ดังนี้
1) บทบาทข องค รใู นห อ้ งเรยี นท ีเ่น้นใหผ้ ูเ้รยี นส รา้ งค วามร ดู้ ว้ ยต นเอง (Constructivist
Classrooms) จะเปลี่ยนจ ากผ ู้ส อนเป็นผ ู้ให้คำ�แนะนำ� (Guides) ให้ผ ู้เรียนเข้าใจในก ระบวนการก าร
สร้างค วามร ู้ คือ รับผิดชอบในก ารเรียนร ู้ด ้วยต นเอง มีอ ิสระในค วามคิด สามารถตั้งคำ�ถามที่กระตุ้น
ความค ิดแ ละค ้นคว้าห าค ำ�ตอบเพื่อแ ก้ไขป ัญหา (Brooks & Brooks, 1993: 13) และในก รณีท ี่ผ ู้เรียน