Page 41 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 41
การพ ัฒนาห ลักสูตรภาษาอ ังกฤษ 7-31
รับร ู้กฎเกณฑ์เกี่ยวก ับหน่วยค ำ�ไวยากรณ์ -ing ที่แ สดงถึงค วามเป็น continuous
ได้ก ่อนการเติม -s หลังค ำ�กริยาเมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษท ี่ 3
3. The Monitor Hypothesis หรือสมมติฐานว่าด ้วยการตรวจสอบ ในส มมติฐานว ่า
ดว้ ยก ารเรยี นร ภู้ าษาในร ะยะแ รกข อง Krashen นัน้ ความส �ำ คญั อ ยทู่ กี่ ารร บั ร ู/้ ซมึ ซบั
ภาษา (Language Acquisition) และใหค้ วามส �ำ คญั ก บั ก ารเรยี นภ าษา (Language
Learning) น้อยม าก ในส มมติฐานว ่าด ว้ ยก ารต รวจส อบ Krashen กล่าวว ่าการเรียน
ภาษาจ ะมีบ ทบาทตามมาหลังจากการรับร ู้ภ าษา โดยผู้เรียนจะใช้กฎเกณฑ์ที่ได้จ าก
การเรียนภ าษามาใช้ในต รวจสอบความถูกต้องของภาษา (Language Accuracy)
ที่ต นเองกำ�ลังจ ะสื่อสารออกไป การต รวจสอบและแก้ไขข้อผ ิดพ ลาดอาจจ ะเกิดข ึ้น
ก่อนก ารส ื่อสารอ อกไป หรือเกิดข ึ้นห ลังจ ากพ ูดอ อกไปแ ล้ว ซึ่งเรียนว ่าการแ ก้ไขด ้วย
ตนเอง (Self-Repair)
4. The Input Hypothesis หรือส มมติฐานว ่าด้วยปัจจัยนำ�เข้า Krashen พยายามท ี่
จะตอบคำ�ถามว่าการรับรู้/ซึมซับภาษานั้นเกิดได้อย่างไร โดยเขาอธิบายว่าการรับรู้
ภาษาของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นได้เมื่อเราเข้าใจในข้อความที่ถูกส่งออกมา (Message)
ซึ่ง Krashen เรียกว ่า (Comprehensible Input) และข้อความห รือ Input ที่ป ้อน
ให้ก ับผ ู้เรียนนั้นจ ะต ้องไม่ง ่ายห รือย ากเกินไป ในก ารส ื่อสารเมื่อผ ู้เรียนได้ร ับ Input
ที่อาจจะม ีการใช้โครงสร้างท างไวยากรณ์ท ี่ผ ู้เรียนไม่เคยรู้ม าก ่อน แต่ส ามารถเข้าใจ
ได้ถึงข ้อความท ี่ส ่งอ อกไป ผู้เรียนก็จ ะส ามารถร ับรู้ถ ึงก ฎเกณฑ์ท างภาษาท ี่เพิ่มเติม
มา โดยพัฒนาจ ากการร ับรู้เดิมท ี่มีอยู่แล้ว
5. The Affective Filter Hypothesis หรือส มมติฐานว ่าด้วยปัจจัยท ี่เอื้อห รือปิดก ั้น
ต่อการเรียนรู้ จากสมมติฐานนี้ Krashen อ้างว่าแรงจูงใจ ความเชื่อมั่นในตนเอง
และความวิตกกังวล ไม่มีผลต่อการรับรู้ภาษาโดยตรง แต่ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็น
อุปสรรคต ่อก ารร ูภ้ าษาได้ ถ้าผ ูเ้รียนเกิดค วามว ิตกก ังวล (Anxiety) ขาดค วามมัน่ ใจ
ในต นเอง ผู้เรียนอาจจ ะเข้าใจใน Input ที่ได้ร ับ แต่อ าจไม่ส ามารถพัฒนาถึงข ั้นก าร
รู้ภ าษา (Language Acquisition) ผู้เรียนท ่องจำ�ได้แ ต่ไม่ส ามารถน ำ�ไปป ระยุกต์ใช้