Page 39 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 39
การพ ัฒนาห ลักสูตรภ าษาอังกฤษ 7-29
ประสบปัญหาในการเรียน ครูจะต้องเข้าไปช่วยหรือมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและมี
ประสิทธิภาพ
2) ครูควรช่วยผู้เรียนเพิ่มประสบการณ์หรือความรู้เดิม โดยจัดหาตัวอย่าง กิจกรรม
การเรียนรู้ สถานการณ์จำ�ลอง หรือเนื้อหาอ ื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ผ ู้เรียนได้ม ีโอกาสเรียนร ู้เพิ่มเติม เพื่อ
สามารถน ำ�ไปใช้ในการสร้างความร ู้ใหม่ได้ม ากข ึ้น
3) ครคู วรใชก้ ลยทุ ธ์ ในก ารจ ดั การเรยี นก ารส อน (Instructional Strategies) ทีส่ ง่ เสรมิ
ให้ผ ู้เรียนค ิดเป็นแ ละส ามารถแ สดงค วามคิดน ั้นเป็นร ูปธ รรมได้ เช่น การสอนแ บบอ ภิปราย (Discus-
sion) จะช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทำ�กิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะการทำ�งานร่วมกับ
ผ ูอ้ ื่น (Interpersonal Skills) และท ำ�ใหเ้กิดก ารเรียนร ูป้ ระสบก าร ณใ์หม่ๆ ส่วนก ารเรียนร ูแ้ บบร ่วมก ัน
(Collaborative Learning) จะช ่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทำ�งานกลุ่ม (3-5 คน) ซึ่งต้องร่วมกันคิด
ร ่วมก ันทำ�เพื่อท ำ�ให้ง านประสบผ ลส ำ�เร็จ
4) การประเมินผลการเรียนรู้ควรทำ�อย่างต่อเนื่องในระหว่างการจัดเรียนการสอน
(Ongoing Assessment) โดยม วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ใหเ้ ขา้ ใจในค วามค ดิ ข องผ เู้ รยี น ตดิ ตามค วามก า้ วหนา้
ในก ารเรยี น และป ระเมนิ ค วามถ กู ต อ้ งข องก ารส รา้ งค วามร ู้ (Bransford et. al., 2000: 139-140) หลกั ก าร
ที่ส ำ�คัญในการป ระเมินคือการให้ข้อมูลย ้อนก ลับ (Feedback) กับผู้เรียนเพื่อการป รับปรุง และส ิ่งท ี่
ประเมินต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของการเรียนรู้ การประเมินในลักษณะนี้อาจเป็นการเฝ้าสังเกต
การส ัมภาษณ์ และการป ระเมินจ ากแฟ้มผ ลงาน (Portfolios) หรือโครงงาน (Projects) เป็นต้น
กล่าวโดยส รุป ทฤษฎกี ารส ร้างค วามร ูด้ ้วยต นเอง (Constructivism) ประกอบด ้วย 2 แนวคิด
คอื (1) Cognitive Constructivism ซึง่ ม พี ืน้ ฐ านแ นวคดิ ม าจ ากท ฤษฎพี ฒั นาการท างเชาวนป์ ญั ญาข อง
เพียเจท์ (Piaget) ที่เน้นก ระบวนการสร้างความร ู้โดยใช้ป ระสบการณ์ห รือค วามรู้เดิมท ี่มีอ ยู่ และ (2)
Social Constructivism ซึ่งได้รับอิทธิพลส่วนใหญ่ม าจ ากผลงานข องวีก็อทส กี้ (Vygotsky’s, 1978
Work) ที่เน้นก ระบวนการส ร้างความรู้โดยการมีป ฏิสัมพันธ์ในบ ริบทข องสังคมและวัฒนธรรม
นอกจากนี้ วีก็อทสกี้ยังเน้นความสำ�คัญของความแตกต่างระหว่างบุคคล และการให้ความ
ช่วยเหลือชี้แนะ (Scaffolding) ให้ก้าวหน้าจากระดับพัฒนาการที่เป็นอยู่ ไปถึงระดับพัฒนาการที่
มีศ ักยภาพจ ะไปถ ึงได้ ซึ่งช่วงห่างน ี้ เรียกว ่า Zone of Proximal Development แนวคิดด ังก ล่าวนี้
ส่งผ ลต ่อก ารเปลี่ยนแปลงในก ารจ ัดการเรียนการส อน
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) นี้ สามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้ในการ
จัดการเรียนการส อนได้ตามค วามเหมาะส ม
หลังจ ากศกึ ษาเนอ้ื หาส าระเร่อื งที่ 7.2.3 แลว้ โปรดป ฏบิ ตั ิกิจกรรม 7.2.3
ในแ นวก ารศึกษาห นว่ ยท่ี 7 ตอนท ่ี 7.2 เรื่องท ี่ 7.2.3