Page 34 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 34

7-24 สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ

      4. 	การเ​รยี นร​ เู​้ ปน็ การเ​ปลีย่ นแปลงท​ างพ​ ฤตกิ รรมท​ เี​่ กดิ จ​ ากก​ ารเ​ปลีย่ นแปลงภ​ ายในโ​ครงสรา้ ง​
ของค​ วามค​ ิด (Learning is a Change in a Person’s Mental Structure) ซึ่งไ​ด้แก่ การเ​ปลี่ยนแปลง​
ในโ​ครงสร้างข​ องข​ ้อมูลใ​นส​ มอง (Schemata) ความเ​ชื่อ (Beliefs) เป้าห​ มาย (Goals) และก​ ารค​ าดห​ วัง
(Expectation) เป็นต้น

      ทฤษฎก​ี ารเ​รยี นร​ กู​้ ลุม่ ป​ ญั ญาน​ ยิ ม (Cognitivism) จ�ำ แนกย​ อ่ ยอ​ อกเ​ปน็ ห​ ลายท​ ฤษฎี แตท​่ ฤษฎ​ี
ที่​สำ�คัญ​และ​นำ�​เสนอ​ใน​บท​เรียนน​ ี้ คือ ทฤษฎี​พัฒนาการ​ทางส​ ติป​ ัญญาข​ อง​เพีย​เจท์

      ทฤษฎ​ีพัฒนาการท​ างส​ ต​ิปญั ญา​ของเ​พยี เ​จท์ (Piaget’s Intellectual Development Theory)
      เพียเ​จท์ (1986-1980) นัก​จิตวิทยาแ​ ละน​ ัก​ชีว​วิท​ ยาช​ าวส​ ​วิส ได้​ศึกษา​เกี่ยวก​ ับพ​ ัฒนาการ​ทาง​
ด้านค​ วามค​ ิดข​ องเ​ด็ก เขาก​ ล่าวว​ ่าการเ​รียนร​ ู้ข​ องเ​ด็กเ​ป็นไ​ปต​ ามพ​ ัฒนาการท​ างส​ ติป​ ัญญา ซึ่งจ​ ะพ​ ัฒนา​
ไปต​ ามว​ ัยต​ ่างๆ เป็นล​ ำ�ดับข​ ั้นแ​ ละค​ วรใ​หเ้​ป็นไ​ปต​ ามธ​ รรมชาติ คือ ไม่ค​ วรท​ ีจ่​ ะเ​ร่งเ​ด็กใ​หข้​ ้ามก​ ารพ​ ัฒนา​
จาก​ขั้น​หนึ่ง​ไป​สู่​อีก​ขั้น​หนึ่ง เพราะ​จะ​ทำ�ให้​เกิด​ผล​เสีย​แก่​เด็ก แต่​ควร​จัด​ประสบการณ์​ส่ง​เสริม​พัฒนา
การ​ของ​เด็ก​ใน​ช่วง​ที่​กำ�ลัง​จะ​พัฒนา​ไป​สู่​ขั้น​ที่​สูง​กว่า เพื่อ​ช่วย​ให้​เด็ก​สามารถ​พัฒนา​ไป​อย่าง​รวดเร็ว
(ทิศน​ า 2552: 64)
      เพียเ​จท์​ได้จ​ ัด​ลำ�ดับข​ ั้นข​ อง​การ​พัฒนาท​ าง​สติ​ปัญญาข​ อง​เด็ก​เป็น 4 ลำ�ดับข​ ั้น ดังนี้
      ขน้ั ท​ ่ี 1:	 ขัน้ ​รบั ร​ ้ดู​ ้วย​ประสาท​สัมผสั (Sensorimotor Stage) (แรกเ​กิด-2 ปี) เด็ก​ในช​ ่วงว​ ัยน​ ี​้
เขา้ ใจต​ นเองแ​ ละเ​รยี นร​ สู​้ ิง่ ร​ อบๆ ตัว โดยใ​ชป้​ ระสาทส​ ัมผัสแ​ ละก​ ารเ​คลือ่ นไหวอ​ วยั วะต​ ่างๆ ของร​ ่างกาย
แต่​ยัง​ไม่​สามารถเ​ข้าใจค​ วาม​คิดข​ องผ​ ู้​อื่น​และ​สิ่งต​ ่างๆ​ที่ไ​ม่ไ​ด้เ​ห็น​หรือไ​ม่​ได้​สัมผัส อย่างไร​ก็ตาม​เด็ก​
สามารถ​พัฒนาการ​ทาง​ด้าน​ความ​คิด​เมื่อ​มี​ปฏิสัมพันธ์​กับ​สิ่ง​แวดล้อม​โดย​มี​การ​ลอง​ผิด​ลอง​ถูก​และ​
การส​ ังเกตห​ ลายๆ ครั้งจ​ นท​ ำ�ให้เ​กิดค​ วามเ​ข้าใจว​ ่าอ​ ะไรจ​ ะเ​กิดข​ ึ้นห​ ากม​ ีก​ ารกร​ ะท​ ำ�​สิ่งน​ ั้นๆ หรือม​ ีค​ วาม​
เข้าใจใ​นค​ วามส​ ัมพันธ์ร​ ะหว่างเ​หตุแ​ ละผ​ ล แต่อ​ าจจ​ ะไ​มถ่​ ูกต​ ้องม​ ากน​ ักเ​พราะเ​ด็กใ​นว​ ัยน​ ี้ย​ ังเ​ด็กม​ ากไ​ม​่
สามารถค​ ิดใ​นร​ ะดับ​ที่ล​ ึก​ซึ้ง​ได้
      ข้ัน​ท่ี 2:	 ขน้ั ก​ อ่ นป​ ฏบิ ตั ก​ิ ารค​ ดิ (Preoperational Stage) (2-7 ป)ี เด็กใ​นช​ ่วงว​ ัยน​ ีย้​ ังไ​มส่​ ามารถ​
คิด​รวบ​ยอด​แบบ​นามธรรม​ได้ แต่​จะ​คิด​ใน​ลักษณะ​ที่​เป็น​รูป​ธรรม​ได้​ดี และ​สามารถ​แยกแยะ​สิ่งของ​
ต่างๆ โดยส​ ังเกตจ​ ากล​ ักษณะท​ ีส่​ ำ�คัญข​ องส​ ิ่งน​ ั้นๆ เช่นส​ ามารถแ​ ยกส​ ุนัขจ​ ากแ​ มว หรือแ​ มวจ​ ากก​ ระรอก​
ได้ การ​พัฒนา​ความ​คิด​ใน​ขั้น​นี้ส​ ามารถแ​ บ่ง​เป็น 2 ขั้นย​ ่อย ดังนี้

           2.1	 ขั้น​ก่อน​เกิด​ความ​คิด​รวบ​ยอด (Preconceptual Intellectual Stage) (2-4 ปี) เด็ก​ใน​
ช่วง​วัย​นี้​สามารถ​เชื่อม​โยง​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์​หรือ​มากกว่า มา​เป็น​เหตุผล​
เกี่ยว​โยง​ซึ่ง​กัน​และ​กัน แต่​เหตุผล​ของ​เด็ก​วัย​นี้​ยัง​มี​ขอบเขต​จำ�กัด​อยู่ เพราะ​เด็ก​ยัง​คง​ยึด​ตนเอง​เป็น​
ศูนย์กลาง คือ ถือ​ความ​คิด​ของ​ตนเอง​เป็น​ใหญ่ และ​มอง​ไม่​เห็น​เหตุผล​ของ​ผู้​อื่น เช่น เมื่อ​เด็ก​เล่น​
เกม​กับ​เพื่อนๆ เด็ก​อาจ​จะ​เล่น​ตาม​ความ​พอใจ​ของ​ตนเอง​โดย​ไม่​ได้​คิด​ว่า​จะ​ต้อง​รับ​ฟัง​ความ​คิด​เห็น​
ของเ​พื่อน​ในก​ ลุ่ม หรือ ควร​เล่น​ภาย​ใต้ก​ ฎ​เกณฑ์​กติกา​เดียวกันก​ ับเ​พื่อน แต่​อย่างไร​ก็ตามพ​ ัฒนาการ​
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39