Page 35 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 35

การ​พัฒนาห​ ลักสูตรภ​ าษา​อังกฤษ 7-25

ทาง​ภาษา​ของ​เด็ก​ใน​วัย​นี้​จะ​เจริญ​รวดเร็ว​มาก เด็ก​จะ​เรียน​รู้​คำ�​ศัพท์​ใหม่ๆ เพิ่ม​มาก​ขึ้น​ทำ�ให้​สามารถ​
เข้าใจ​สิ่ง​ต่างๆ ถึง​แม้ว่า​สิ่ง​เหล่า​นั้น​จะ​ไม่​ได้​ปรากฏ​ตรง​หน้า นอกจาก​นี้​ภาษา​ยัง​เป็น​พื้น​ฐาน​ของ​การ​มี​
ปฏิสัมพันธ์​ทาง​สังคม เด็ก​สามารถ​ใช้​ภาษา​เพื่อ​แสดง​ความ​คิด​เห็น​หรือ​รับ​ข้อมูล​จาก​ผู้​อื่น ซึ่ง​เด็ก​ใน​
วัยก​ ่อนห​ น้า​นี้​ไม่ส​ ามารถท​ ำ�ได้

           2.2	 ขนั้ ก​ ารค​ ดิ ด​ ว้ ยค​ วามเข​ า้ ใ​จข​ องต​ นเอง (Intuitive Thinking Stage) (4-7 ป)ี เด็กใ​นช​ ่วง​
วัย​นี้​เริ่ม​ที่​จะ​คิด​โดย​ใช้​เหตุผล​อยู่​บ้าง​เล็ก​น้อย เริ่ม​มี​ความ​เข้าใจ​เกี่ยว​กับ​การ​คงตัว​ของ​สิ่ง​ต่างๆ เช่น​
ของเหลว แต่ไ​ม่​แจ่ม​ชัดน​ ัก รู้จักแ​ ยก​ประเภท​ของว​ ัตถุ​อย่างง​ ่าย​โดยใ​ช้​มิติ​เดียว​หรือส​ องม​ ิติ แต่​ยังไ​ม​่
สามารถอ​ ธิบายเ​หตุผลข​ องก​ ารใ​ห้ข​ ้อส​ รุป ซึ่งส​ ่วนใ​หญ่ใ​ช้ค​ วามเ​ข้าใจข​ องต​ นเองม​ ากกว่าใ​ช้เ​หตุผลห​ รือ​
หลักก​ าร

      ขนั้ ท​ ่ี 3: 	ขน้ั ​การ​คดิ แ​ บบร​ ูปธ​ รรม (Concrete Operational Stage) (7-11 ปี) เด็กใ​น​ช่วงว​ ัยน​ ี​้
ได้​สะสม​ประสบการณ์​จาก​สิ่ง​แวดล้อม​ภายนอก​มาระ​ยะ​เวลา​หนึ่ง​แล้ว ทำ�ให้​มี​ความ​รู้​ความ​เข้าใจ​ใน​
สิ่งต​ ่างๆ ได้ด​ ีข​ ึ้น คือเ​ริ่มท​ ี่จ​ ะค​ ิดอ​ ย่างม​ ีเ​หตุผลใ​นส​ ิ่งท​ ี่เ​ป็นร​ ูปธ​ รรมม​ ากข​ ึ้น สามารถแ​ สดงค​ วามค​ ิดข​ อง​
ตนเอง​ซึ่ง​อาจ​จะ​เหมือน​หรือ​แตก​ต่าง​จาก​ผู้​อื่น มี​ความ​เข้าใจ​ใน​เรื่อง​ความ​คงตัว​ของ​สิ่ง​ต่างๆ​มาก​ขึ้น​
โดย​สามารถบ​ อก​ได้​ว่าถ​ ึง​แม้​ของแข็งห​ รือข​ องเหลว​จะเ​ปลี่ยนร​ ูปร​ ่าง​ไป หากไ​ม่มี​การเ​พิ่ม​ขึ้นห​ รือ​ลดล​ ง
สิ่งเ​หล่า​นั้นก​ ็ย​ ังค​ ง​มี​ปริมาณแ​ ละ​นํ้า​หนัก​เท่าเ​ดิม นอกจากน​ ี้​เด็กใ​น​ช่วงว​ ัย​นี้​ยังส​ ามารถจ​ ำ�แนก​ประเภท​
วัตถุโ​ดย​ใช้​หลาย​มิติใ​น​เวลาเ​ดียวกัน และ​สามารถ​สรุป​ความ​จากค​ วาม​จริงห​ รือข​ ้อมูลท​ ี่​มีอ​ ยู่ อย่างไร-​
ก็ตาม การ​พัฒนา​ทางส​ ติป​ ัญญา​ของ​เด็ก​ใน​ช่วง​นี้​ยัง​ไม่ค​ ลอบ​ ค​ ลุม​สิ่งท​ ี่เ​ป็นน​ ามธรรม

      ขัน้ ท​ ่ี 4:	 ขั้น​การ​คิด​แบบ​นามธรรม (Formal Operational Stage) (11-15 ปี) เด็ก​ใน​ช่วง​
วัย​นี้​สามารถ​คิด​สิ่ง​ที่​เป็น​นามธรรม​ได้ และ​สามารถ​คิด​แบบ​ตั้ง​สมมติฐาน​และ​ใช้​กระบวนการ​ทาง​
วิทยาศาสตร์​ได้ เพียเ​จท์ใ​ห้ค​ วามเ​ห็น​ว่า การ​พัฒนาค​ วาม​คิด​แบบน​ ามธรรมน​ ี้น​ ่า​จะม​ ีส​ ่วนช​ ่วย​ให้​ความ​
สามารถท​ างค​ ณิตศาสตร์ข​ อง​เด็กเ​พิ่มข​ ึ้น กล่าว​คือ เด็กส​ ามารถแ​ ก้ป​ ัญหาโ​จทย์​ที่เ​ป็น​นามธรรมไ​ด้​ง่าย​
ขึ้นแ​ ละส​ ามารถ​เข้าใจ​แนวคิด (Concepts) ที่​เป็นน​ ามธรรมม​ ากข​ ึ้น

      นอกจากก​ าร​พัฒนาการ​ทางส​ ติป​ ัญญาข​ อง​เด็ก​ที่เ​ป็น​ไป​ตาม​วัย​ต่างๆ 4 ลำ�ดับ​ขั้น​แล้ว เพียเ​จท​์
ยังไ​ด้​ศึกษา​เกี่ยวก​ ับก​ ระบวนการท​ าง​สติป​ ัญญาซ​ ึ่งม​ ีล​ ักษณะ (ทิศ​นา 2552: 65-66) ดังนี้

      การซ​ ึมซับ​หรอื ​การด​ ูดซ​ ึม (Assimilation) เป็นกร​ ะ​บวนก​ าร​ทาง​สมองใ​น​การร​ ับป​ ระสบการณ์​
หรือ​ข้อม​ ูล​ใหม่ๆ เข้าม​ าเ​ก็บ​สะสม​ไว้​ใน​โครงสร้าง​ทางป​ ัญญา (Schemata) เพื่อ​ใช้​ประโยชน์​ต่อ​ไป

      การ​ปรับ​และ​จัด​ระบบ (Accommodation) คือ กระบวนการ​ทาง​สมอง​ใน​การ​ปรับ​เปลี่ยน​
ประสบการณ์​เดิม​หรือ​ข้อมูล​เดิม​ให้​สอดคล้อง​กับ​ประสบการณ์​ใหม่​หรือ​สิ่ง​แวดล้อม​ใหม่ ซึ่ง​เป็น
การป​ รับโ​ครงสร้าง​ทางป​ ัญญา

      การ​เกิดค​ วามส​ มดลุ (Equilibration) เป็นกร​ ะบ​ วน​การ​ที่​เกิดข​ ึ้น​จาก​ขั้น​ของก​ าร​ปรับ หาก​การ​
ปรับ​เป็น​ไป​อย่าง​ผสม​ผสาน​กลมกลืน​ก็​จะ​ก่อ​ให้​เกิด​สภาพ​ที่​มี​ความ​สมดุล​ขึ้น หาก​บุคคล​ไม่​สามารถ​
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40