Page 28 - สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ
P. 28

7-18 สารัตถะและวิทยวิธีทางภาษาอังกฤษ

      จากก​ าร​ทดลอง​ของ​พา​ฟลอฟ สามารถส​ รุปอ​ อก​มาเ​ป็นท​ ฤษฎี​การ​เรียน​รู้แ​ ละ​กฎ​การ​เรียนร​ ู้​ได้
ดังนี้ (ทิศน​ า แขม​มณี 2552: 52-53)

      ทฤษฎ​กี ารเ​รียน​รู้
           1) 	พฤติกรรม​การ​ตอบ​สนอง​ของ​มนุษย์​เกิด​จาก​การ​วาง​เงื่อนไข​ที่​ตอบ​สนอง​ต่อ​ความ​

ต้องการ​ตามธ​ รรมชาติ
           2) 	พฤตกิ รรมก​ ารต​ อบส​ นองข​ องม​ นุษยส​์ ามารถเ​กิดข​ ึ้นไ​ดจ​้ ากส​ ิ่งเ​ร้าท​ เี​่ ชื่อมโ​ยงก​ ับส​ ิง่ เ​ร้า​

ตามธ​ รรมชาติ
           3) 	พฤติกรรม​การ​ตอบ​สนอง​ของ​มนุษย์​ที่​เกิด​จาก​สิ่ง​เร้า​ที่​เชื่อม​โยง​กับ​สิ่ง​เร้า​ตาม​

ธรรมชาติ​จะล​ ดล​ ง​เรื่อยๆ และ​หยุดล​ งใ​น​ที่สุดห​ ากไ​ม่​ได้ร​ ับ​การ​ตอบส​ นองต​ ามธ​ รรมชาติ
           4) 	พฤติกรรม​การ​ตอบ​สนอง​ของ​มนุษย์​ที่​เกิด​จาก​สิ่ง​เร้า​ที่​เชื่อม​โยง​กับ​สิ่ง​เร้า​ตาม​

ธรรมชาติ​จะ​ลด​ลง​และ​หยุด​ไป​เมื่อ​ไม่​ได้​รับ​การ​ตอบ​สนอง​ตาม​ธรรมชาติ และ​จะ​กลับ​ปราฏ​ขึ้น​ได้​อีก​
โดยไ​ม่ต​ ้อง​ใช้​สิ่ง​เร้าต​ าม​ธรรมชาติ

           5) 	มนษุ ยม​์ แ​ี นวโ​นม้ ท​ จ​ี่ ะร​ บั ร​ ส​ู้ งิ่ เ​รา้ ท​ ม​ี่ ล​ี กั ษณะค​ ลา้ ยๆ กนั และจ​ ะต​ อบส​ นองเ​หม​ อื น​ ๆ กนั
           6)	 มนุษย์​มี​แนว​โน้ม​ที่​จะ​จำ�แนก​ลักษณะ​ของ​สิ่ง​เร้า​ให้​แตก​ต่าง​กัน​และ​เลือก​ตอบ​สนอง​
ได้​ถูก​ต้อง
      กฎก​ ารเ​รยี น​รู้
           1) 	กฎ​แห่ง​การ​ลด​ภาวะ (Law of Extinction) ความเ​ข้ม​ข้น​ของ​การ​ตอบ​สนอง​ที่​ถูก​
วางเ​งื่อนไขจ​ ะล​ ดน​ ้อยล​ งเ​รื่อยๆ เมื่อค​ วามส​ ัมพันธ์ร​ ะหว่างส​ ิ่งเ​ร้าท​ ี่ว​ างเ​งื่อนไขก​ ับส​ ิ่งเ​ร้าท​ ี่ไ​ม่ว​ างเ​งื่อนไข​
ห่างก​ ันอ​ อก​ไป​มากข​ ึ้น​และส​ ิ้นส​ ุดใ​นท​ ี่สุด
           2) 	กฎแ​ ห่งก​ ารฟ​ ื้นค​ ืนส​ ภาพ (Law of Spontaneous Recovery) การต​ อบส​ นองท​ ี่เ​กิด​
จากก​ ารว​ างเ​งือ่ นไขท​ ลี​่ ดล​ ง เพราะไ​ดร้​ ับแ​ ตส​่ ิง่ เ​ร้าท​ วี​่ างเ​งื่อนไขเ​พยี งอ​ ย่างเ​ดยี วจ​ ะก​ ลบั ป​ รากฏ​ ข​ ึ้นอ​ ีกแ​ ละ​
เพิ่ม​มากข​ ึ้นๆ โดย​ไม่ต​ ้อง​มีส​ ิ่งเ​ร้าท​ ี่ไ​ม่ว​ าง​เงื่อนไขม​ า​เข้าค​ ู่
           3) 	กฎ​แห่ง​การ​ถ่าย​โยง​การ​เรียน​รู้​สู่​สถาน​กา​รณ์​อื่นๆ (Law of Generalization) เมื่อ​
เกิด​การ​เรียน​รู้​จาก​การ​วาง​เงื่อนไข​แล้ว ถ้า​มี​สิ่ง​เร้า​อื่น​ที่​มี​คุณสมบัติ​คล้ายคลึง​กับ​สิ่ง​เร้า​ที่​วาง​เงื่อนไข​
เดิม อาจท​ ำ�ให้เ​กิดก​ ารต​ อบส​ นองเ​หมือน​กับ​สิ่ง​เร้าท​ ี่​วาง​เงื่อนไข​นั้น
           4)	 กฎ​แห่ง​การ​จำ�แนก​ความ​แตก​ต่าง (Law of Discrimination) เมื่อ​เกิด​การ​เรียน​รู้​
จาก​การ​วาง​เงื่อนไข​แล้ว ถ้า​สิ่ง​เร้า​อื่น​ที่​มี​คุณสมบัติ​แตก​ต่าง​จาก​สิ่ง​เร้า​ที่​วาง​เงื่อนไข​เดิม อาจ​ทำ�ให้​เกิด​
การ​ตอบส​ นองท​ ี่​แตกต​ ่างไ​ปจ​ ากส​ ิ่งเ​ร้าท​ ี่ว​ าง​เงื่อนไข​นั้น
      การป​ ระยุกต์​ใชใ้​นก​ าร​จัดการ​เรียน​การ​สอน
      ทฤษฎี​การ​วาง​เงื่อนไข​แบบ​คลาส​สิก (Classical Conditioning) สามารถ​นำ�​ไปป​ ระยุกต์​ใช้ใ​น​
การจ​ ัดการเ​รียนก​ าร​สอนไ​ด้ ดังนี้ (ทิศน​ า แขม​มณี 2552: 54)
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33