Page 33 - การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิชาอาชีพ
P. 33
แนวคิดเก่ียวกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิชาอาชีพ 1-23
และการเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องเกิดข้ึนในลักษณะท่ีค่อนข้างถาวร เหตุท่ีจะต้องมีการก�ำหนดว่าพฤติกรรมที่
เปลี่ยนแปลงน้ัน จะต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ค่อนข้างถาวรก็เพราะว่า ต้องการจะให้เกิดการแยกแยะได้ว่าการ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในลักษณะใดท่ีไม่อยู่ในข่ายของการเรียนรู้ เช่น การเปล่ียนแปลงของพฤติกรรมท่ี
เกดิ ขน้ึ จากการเปลยี่ นแปลงของแรงจงู ใจ ดงั จะเหน็ ไดจ้ าก ตวั อยา่ งของคนทเ่ี กดิ อาการเหนอ่ื ยออ่ นกจ็ ะเปลย่ี น
พฤติกรรมของตนเอง โดยการหลับนอนพักผ่อน ซึ่งสภาวะของคนที่ตื่นอยู่ เปลี่ยนมาสู่การนอนนั้นย่อมมี
การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมทเี่ หน็ ไดช้ ดั เจน หากแตว่ า่ การเปลย่ี นแปลงนน้ั ไมอ่ าจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ การเรยี นรใู้ หม่
ตัวอย่างเช่น คนเราเกิดอาการหิว หรือความต้องการทางเพศขึ้นมา ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แต่
การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมในลักษณะนั้นเป็นการเปล่ียนแปลงช่ัวครั้งชั่วคราวไม่ถาวร ซ่ึงเป็นการเปล่ียน-
แปลงพฤติกรรมอันเน่ืองมาจากการเปล่ียนแปลงของสภาวะแรงจูงใจของบุคคล จึงไม่เก่ียวข้องกับ
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เป็นการเรียนรู้
ในกระบวนการเรียนรู้นั้นนอกจากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในลักษณะท่ีค่อนข้าง
จะถาวรแล้ว การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมนั้นจะต้องเกิดขึ้นเน่ืองมาจากประสบการณ์อีกด้วย น่ันก็คือ
การเปล่ียนแปลงของพฤติกรรมในลักษณะใด ๆ ไม่ว่าจะเกิดข้ึนจากวุฒิภาวะหรืออายุที่เปล่ียนแปลงไป หรือ
เกิดข้ึนจากความบกพร่องทางร่างกายต่าง ๆ ที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือโรคภัย ไข้เจ็บ ก็ไม่ถือว่าเป็นการเรียนรู้
ตัวอย่างเช่น การที่เด็กไม่สามารถเดินได้ เมื่อถึงอายุท่ีเหมาะสมก็เดินได้ หรือการท่ีบุคคลได้รับอุบัติเหตุแล้ว
ทำ� ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมจากเดมิ ทส่ี ามารถเดนิ ไดอ้ ยา่ งดี เปลย่ี นเปน็ เดนิ ในลกั ษณะขาเป๋ เปน็ ตน้
การเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าวน้ันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถาวร แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการเปล่ียนแปลง
เนื่องจากการเรียนรู้ การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมที่ถือได้ว่าเกิดจากการเรียนรู้ ได้แก่ การท่ีเด็กอ่านหนังสือ
ไม่ได้ แต่เปลี่ยนมาเป็นอ่านหนังสือได้ หรือการที่เด็กใช้ค�ำพูดท่ีไม่สุภาพ เปลี่ยนมาเป็นการใช้ค�ำพูดที่สุภาพ
เป็นต้น การท่ีจะพิจารณาว่าบุคคลเรียนรู้ได้มากน้อยเพียงใดนั้น จะต้องตระหนักถึงความจริงที่ว่าปัจจัยที่มี
ผลต่อการแสดงออกของบุคคลมิใช่มีเพียงแต่ส่ิงท่ีได้จากการเรียนรู้เท่าน้ัน หากแต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ
เช่น แรงจูงใจ เป็นต้น การเรียนรู้น้ันอาจเกิดข้ึนได้ 2 ทางด้วยกันคือ
1) การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เช่น การท่ีเด็กเอ้ือมมือไปจับเตาไฟและรับประสบการณ์
จากความร้อนท่ีเตาไฟ ท�ำให้เด็กเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่เอ้ือมมือไปจับเตาไฟอีกเลย หรือจากการท่ีเด็กได้
รับประสบการณ์ที่ถูกสุนัขกัด ก็ท�ำให้เด็กไม่ยอมเข้าใกล้สุนัขอีกเลย เป็นต้น
2) การเรยี นรจู้ ากประสบการณท์ างออ้ ม เปน็ การเรยี นรทู้ เี่ ดก็ ไดจ้ ากการสงั เกตพฤตกิ รรมของ
ผู้อื่น หรือจากการการได้รับข่าวสารต่าง ๆ จากหนังสือ ท�ำให้เด็กเกิดการเปล่ียนพฤติกรรมของตนเอง เช่น
การทเี่ ดก็ พบวา่ บคุ คลทกี่ ระทำ� พฤตกิ รรมทดี่ จี ะไดร้ บั การยกยอ่ งจากสงั คม เดก็ กจ็ ะลอกเลยี นแบบโดยกระทำ�
พฤติกรรมท่ีดีเช่นกัน เป็นต้น การเรียนรู้ของคนเรานั้นเกิดข้ึนตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย ตราบใดที่
คนเรานั้นจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม และสังคมตลอดเวลา คนเราก็จะเกิดการเรียนรู้ตลอดเวลา
เช่นกัน ดังนั้น การเรียนรู้จึงไม่จ�ำกัดอยู่แต่เฉพาะในโรงเรียน หากแต่เกิดขึ้นตลอดเวลาในชีวิตประจ�ำวันของ
บุคคล นั่นก็หมายความว่า พฤติกรรมของบุคคลก็เปล่ียนแปลงได้ตลอดเวลาน่ันเอง