Page 22 - หลักการและทฤษฎีการศึกษาเกี่ยวกับวิชาชีพครู
P. 22
10-12 หลักการและทฤษฎีการศึกษาเกี่ยวกับวิชาชีพครู
(relative pronoun) คุณศัพท์แสดงเจ้าของ (possessive adjective) ค�ำน�ำหน้านาม (article) ค�ำบุพบท
(preposition) ค�ำสันธาน (conjunction) และค�ำกริยาช่วย (auxiliary)
ตัวอย่างการเน้นค�ำในประโยค
What is your plan for this summer?
When I ar rive at the office, she was alr eady there.
อย่างไรก็ตาม การเน้นค�ำในประโยคภาษาอังกฤษมีข้อยกเว้นอยู่มาก เช่น be และ have เมื่อ
เป็นกริยาแท้ มักไม่ได้รับการเน้นในประโยค ค�ำกริยาช่วยมักได้รับการเน้นเม่ืออยู่ท้ายประโยค ค�ำบุพบท
ที่มีสองพยางค์จะได้รับการเน้น (เช่น after, between, during) ค�ำสันธานจะได้รับการเน้นถ้าขึ้นต้น
ประโยค นอกจากน้ีถ้าผู้พูดต้องการเน้นค�ำใดเป็นพิเศษก็ลงเสียงหนักท่ีค�ำน้ันได้ ดังตัวอย่างเช่น
She has a beautiful house.
When you finish your work, turn the light off.
Do the best you can.
5. การใช้ทำ� นองเสียงในประโยค
ผู้ท่ีพูดภาษาอังกฤษจะใช้ท�ำนองเสียงสูงต่ําในประโยค (intonation) ซึ่งสัมพันธ์กับความหมายของ
ประโยคและบอกความรู้สึกของผู้พูดหรือสิ่งที่ผู้พูดต้องการเน้น นักภาษาศาสตร์ได้แบ่งภาษาตามลักษณะ
ความแตกต่างของระดับเสียงเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภาษาที่มีท�ำนองเสียงเป็นลักษณะเด่น (intonation
language) เช่น ภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ ในแถบยุโรป และภาษาที่มีเสียงวรรณยุกต์เป็นลักษณะเด่น
เรียกว่า ภาษาวรรณยุกต์ (tone language) เช่น ภาษาไทย จีน ลาว เวียดนาม พม่า ภาษาชาวเขาและ
ภาษาในแถบแอฟริกา เป็นต้น (ฑะณัน จันทรุพันธุ์, 2540: 212)
ในภาษาไทยเม่ือเปล่ียนเสียงวรรณยุกต์ ความหมายของค�ำจะเปลี่ยนไป แต่ในภาษาอังกฤษถ้า
เปล่ียนระดับเสียง ความหมายของค�ำไม่เปล่ียน แต่ความหมายทางไวยากรณ์จะเปลี่ยนไป เช่น
A : Which color did you choose?
B : Blue.
A : Blue?
B : Yes, blue.
จะเห็นได้ว่าในบรรทัดท่ี 3 A ใช้ระดับเสียงท่ีสูงขึ้นท�ำให้เป็นค�ำถาม ท�ำนองเสียงในประโยคช่วย
บอกข้อความท่ีผู้พูดต้องการเน้น เช่น
I bought a new car.
I bought a new car.
ประโยคแรกให้ความส�ำคัญแก่ผู้พูด ส่วนประโยคท่ีสองเน้นว่าเป็นรถคันใหม่