Page 52 - ศิลปะกับสังคมไทย
P. 52

8-42 ศิลปะกบั สงั คมไทย
       สุนทรภู่พบว่าท่ีบ้านดังกล่าวแม้จะช่ือว่า “สวนขิง” ชาวบ้านก็ไม่ได้ปลูกขิง แต่กลับปลูกมะเขือ

พริก กล้วย และมะยม ซ่ึงเป็นผักสวนครัวไว้บริโภคกันในครัวเรือนและอาจนำ�บางส่วนไปขายเพ่ือสร้าง
รายได้

       นอกจากการท�ำ ไรท่ �ำ สวนแลว้ ในนริ าศของสนุ ทรภยู่ งั กลา่ วถงึ วถิ ชี วี ติ และการประกอบอาชพี ของ
ชาวบา้ นทต่ี งั้ ถนิ่ ฐานอยบู่ รเิ วณรมิ ชายฝงั่ ทะเล ซงึ่ นยิ มจบั สตั วบ์ รเิ วณดนิ เลนใกลช้ ายฝงั่ ทะเลมาบรโิ ภคและ
ขาย ดังทใี่ นนริ าศเมอื งแกลง กล่าววา่

	 	 ดเู รือแพแต่ละลำ�ลว้ นโปะโหละ	 	  พวกเจก๊ จนี กินโตะ๊ เสยี งโหลเหล
บ้างลยุ เลนล้วงปูดูโซเซ	 	 	          สมคะเนใสข่ อ้ งเทยี่ วมองคอย
อนั นารที ยี่ ังสาวพวกชาวบ้าน		 	     ถบี กระดานถือตะกรา้ เที่ยวหาหอย
ดแู คลว่ คลอ่ งล่องแลน่ แฉลบลอย	 	    เอาขาห้อยทำ�เป็นหางไปกลางเลน
อนั พวกเขาชาวประโมงไม่โหย่งหยบิ 		    ลว้ นตนี ถบี ปากกัดขดั เขมร
จะไดก้ ินข้าวเชา้ กร็ าวเพล	 	 	      ดจู ดั เจนโลดโผนในโคลนตม

                                             (นิราศเมืองแกลง. 2518: 89-90)

       สุนทรภู่ให้ภาพชาวบ้านท่ีอาศัยอยู่บนเรือแพริมทะเล ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นชาวจีนท่ีกำ�ลังรับประทาน
อาหารกันอย่างเสียงดัง บางคนก็ “ลุยเลน” ไป “ล้วงปู” และเก็บมาใส่ในข้อง ส่วนหญิงสาวชาวบ้านก็
“ถบี กระดานถอื ตะกร้าเท่ียวหาหอย” ซง่ึ เปน็ ภาพของการหาเลย้ี งชพี ของคนในทอ้ งถน่ิ ทต่ี อ้ งตอ่ สู้กบั ชวี ิต
เป็นอยา่ งมาก เพราะกว่าจะไดร้ บั ประทานอาหารเชา้ กันก็เปน็ เวลา “ราวเพล” ซง่ึ เปน็ เวลาท่ีสายมากแลว้

       นอกจากการบรรยายภาพการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในวิถีชีวิตประจำ�วันของคนในสมัยนั้น
แล้ว ในนิราศของสุนทรภู่หลายเรื่องก็ยังบันทึกภาพการค้าขายของชาวบ้านในสถานที่ต่างๆ ท่ีสุนทรภู่
เดนิ ทางผ่าน เชน่ การกล่าวถงึ ตลาดแห่งหน่งึ ทสี่ นุ ทรภ่เู ดินทางผา่ นในนิราศเมืองแกลงตอนหน่ึงความว่า

	 	 เป็นสองแถวแนวถนนคนสะพรงั่ 	 	     บ้างยืนบ้างนง่ั ร้านประสานเสียง
ดูรปู ร่างนางบรรดาแม่ค้าเคยี ง	 	     เหน็ เกลย้ี งเกลยี้ งกลอ้ งแกลง้ เปน็ อยา่ งกลาง
ขายหอยแครงแมงภู่กบั ปมู า้ 	 	 	      หมึกแมงดาหอยดองรองกระถาง
พวกเจก๊ จีนสินค้าเอามาวาง	 	 	        มะเขือคางแพะเผอื กผกั กาดดอง
ท่ีขายผา้ หนา้ ถงั ก็เปดิ โถง	 	 	    ล้วนเบ้ยี โป่งหญงิ ชายมาจา่ ยของ
สกั ยีส่ ิบหยบิ ออกเปน็ กอบกอง	 	     พีเ่ ทย่ี วทอ่ งทัศนาจนสายัณห์

                                              (นริ าศเมืองแกลง. 2518: 90-91)
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57