Page 22 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 22

12-12 การ​วิจัย​ทางน​ ิเทศศาสตร์

       3) 	ช่วยใ​ห้​กำ�หนดต​ ัวแปร​หรือป​ ระเด็นส​ ำ�คัญ ใน​การ​ประเมิน​ได้​อย่าง​ชัดเจน
       4) 	ทำ�ให้​ผล​งานการ​ประเมินม​ ี​ความเ​ป็นร​ ะบบ ครอบคลุม เป็น​ที่​ยอมรับแ​ ละส​ ื่อ​ความห​ มายไ​ด้​ชัดเจน

ประเภท​ของ​รูป​แบบ​การ​ประเมนิ ​ผล

       รูป​แบบ​การ​ประเมิน​ผล​หรือ​รูป​แบบ​การ​ประเมิน เป็นก​รอบ​หรือ​แนว​ความ​คิด​ที่​สำ�คัญ​ที่​แสดง​ให้​เห็น​ถึง​
กระบวนการห​ รือร​ ายการป​ ระเมิน ซึ่งม​ คี​ วามแ​ ตกต​ ่างก​ ัน ขึ้นอ​ ยูก่​ ับข​ ้อต​ กลงเ​บื้องต​ ้นซ​ ึ่งน​ ักว​ ิชาการท​ างด​ ้านก​ ารป​ ระเมิน
ได้​เสนอ​กรอบ​ความ​คิด​ให้น​ ัก​ประเมิน​ได้​เลือก​ใช้ม​ ี​อยู่ห​ ลาย​รูป​แบบ รูป​แบบ​การป​ ระเมิน​โดยท​ ั่วไป​นิยมแ​ บ่งอ​ อกเ​ป็น 3
กลุ่ม คือ

       1) 	 รูป​แบบ​การ​ประเมิน​ที่​ยึด​วัตถุประสงค์ (Objective-based Evaluation Model) เป็น​รูป​แบบ​ที่​เน้น​การ​
ตรวจส​ อบ​ผล​ที่ค​ าดห​ วัง​ว่าไ​ด้เ​กิดข​ ึ้น​หรือไ​ม่ หรือ​ประเมินโ​ดยต​ รวจส​ อบ​ผลท​ ี่​ระบุไ​ว้​ในว​ ัตถุประสงค์เ​ป็นห​ ลักโ​ดย​ดูว​ ่า
​ผล​ที่​เกิด​จาก​การ​ปฏิบัติ​งาน​บรรลุ​วัตถุประสงค์​ที่​กำ�หนด​ไว้​หรือ​ไม่ เช่น ​รูป​แบบ​การ​ประเมิน​ของ​โพ​ร​วัส (Provus)
ไทเ​ลอร​ ์ (Ralph W. Tyler) ค​รอน​ บาค (Cronbach) เป็นต้น

       2) 	 รูปแ​ บบ​การป​ ระเมนิ ท​ ีเ่​นน้ ก​ าร​ตดั สิน​คณุ คา่ (Judgemental Evaluation Model) เป็น​รูป​แบบ​การป​ ระเมิน​
ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย​เพื่อ​ให้​ได้​มา​ซึ่ง​ข้อมูล​สารสนเทศ​สำ�หรับ​กำ�หนด​และ​วินิจฉัย​คุณค่า​และ​โครงการ​นั้น เช่น รูป​แบบ​การ​
ประเมิน​ของ ส​เตค (Stake. 1967) สคริฟเว่น (Scriven. 1967) เป็นต้น

       3) 	 รปู แ​ บบก​ ารป​ ระเมนิ ท​ เ​่ี นน้ ก​ ารต​ ดั สนิ ใ​จ (Decision-oriented Evaluation Model) เป็นร​ ูปแ​ บบก​ ารป​ ระเมิน​
ทีม่​ จี​ ุดม​ ุ่งห​ มายเ​พื่อใ​หไ้​ดม้​ าซ​ ึ่งข​ ้อมูล และข​ ่าวสารต​ ่าง ๆ เพื่อช​ ่วยผ​ ูบ้​ ริหารใ​นก​ ารต​ ัดสินใ​จเ​ลือกท​ างเ​ลือกต​ ่าง ๆ ไดอ้​ ย่าง​
ถูกต​ ้อง เช่น รูป​แบบก​ าร​ประ​เมินข​ องเ​วลช์ (Welch. 1967) สตัฟเฟิล​ บีม (Stufflebeam: CIPP. 1968) อัลคิน (Alkin.
1967) เป็นต้น

       ในท​ ี่​นี้จ​ ะก​ ล่าวเ​ฉพาะ​รูปแ​ บบ​ที่​นิยมใ​ช้ใ​น​การ​ประเมิน ดังนี้
       1. 	 รปู แ​ บบก​ ารป​ ระเมนิ ท​ ย​ี่ ดึ ว​ ตั ถปุ ระสงค ์   เปน็ การป​ ระเมนิ ท​ ใี​่ ชว​้ ตั ถปุ ระสงคห​์ รอื เ​ปา้ ห​ มายข​ องแ​ ผน/โครงการ​
เป็นฐ​ านข​ องก​ ารป​ ระเมิน (Objective – based Evaluation) โพร​ ว​ ัส (Provus. 1969: 170) ได้เ​สนอร​ ูปแ​ บบก​ ารป​ ระเมิน​
ที่เ​รียก​ว่า การ​ประเมินค​ วาม​ไม่​สอดคล้อง (The discrepancy model) โดย​มี​จุด​มุ่ง​หมายข​ อง​การป​ ระเมินด​ ้วย​การ​
ตอบค​ ำ�ถามว​ ่า แผนห​ รือโ​ครงการบ​ รรลวุ​ ัตถุประสงคห์​ รือไ​ม่ การด​ ำ�เนินง​ านต​ ามแ​ ผน/โครงการค​ วรป​ รับปรุง ดำ�เนินก​ าร​
ต่อ​ไป หรือ​ยกเลิก โพ​ร​วัส​ได้​ให้​นิยาม​การ​ประเมิน​ว่า เป็นการ​หาความ​ไม่​สอดคล้อง​ระหว่าง​ผล​การ​ปฏิบัติ​งาน​กับ​
มาตรฐานท​ ี่ก​ ำ�หนด ความ​ไม่ส​ อดคล้องท​ ี่ส​ ัมพันธ์​กับ​ขั้นต​ ่าง ๆ มีด​ ังนี้

            ขั้น​ที่ 1 	การ​ออกแบบ​โครงการ คือ​การ​กำ�หนด​ปัจจัย​ที่​ทำ�ให้​เกิด​การ​ดำ�เนิน​งาน กำ�หนด​กระบวนการ​
ดำ�เนิน​งาน และ​กำ�หนดผ​ ลท​ ี่​คาดห​ วังจ​ ะไ​ด้​รับจ​ ากก​ ารด​ ำ�เนิน​งาน

            ขั้น​ที่ 2 	การเต​รี​ยม​พร้อม เป็นการน​ ำ�​ปัจจัยท​ ี่​ทำ�ให้​เกิดก​ าร​ดำ�เนินง​ าน​เข้าส​ ู่​กระบวนการ
            ขั้น​ที่ 3 	กระบวนการ​ที่ใ​ช้​เพื่อ​การ​ดำ�เนิน​งานต​ าม​แผน/โครงการ
            ขั้นท​ ี่ 4 	ผลผลิตท​ ี่เ​กิด​จากแ​ ผน/โครงการ
            ขั้น​ที่ 5 	การว​ ิเคราะห์เ​กี่ยวก​ ับก​ ารล​ งทุน และป​ ระโยชน์​ที่ไ​ด้ร​ ับ​จากโ​ครงการ
       ตามร​ ูปแ​ บบน​ ี้ การ​ประเมิน​ต้องท​ ำ�​โดย​ผู้ป​ ระเมิน​คณะห​ นึ่ง​ที่​ได้ว​ างม​ าตรฐาน​ตาม​ความ​คาดห​ วัง​ของโ​ครงการ​
เอา​ไว้ ต่อ​จาก​นั้น​การ​ประเมิน​ทุก​อย่าง​ต้อง​ดำ�เนิน​ไป​โดย​การ​หา​ข้อมูล​ใหม่ และ​ทำ�การ​ตัดสิน​ใจ​โดย​ใช้​มาตรฐาน​ที่​วาง​
เอาไ​ว้เ​ป็นเ​กณฑ์ นับ​เป็นร​ ูปแ​ บบท​ ี่ช​ ่วยใ​ห้​ข้อมูล​ย้อนก​ ลับ (feedback) ใน​ทุกข​ ั้นต​ อน​ของก​ ารป​ ระเมิน​ดัง​ข้าง​ต้น และ​
ตลอด​โครงการอ​ ย่างต​ ่อเ​นื่อง ดัง​ภาพ​ที่ 12.1
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27