Page 27 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 27

การป​ ระยุกต์ใ​ช้ผ​ ลก​ าร​วิจัยท​ างน​ ิเทศศาสตร์ 14-17

    ตวั อย่างงานวิจัยเก่ยี วกับอทิ ธพิ ลของส่ือมวลชนตอ่ บุคคล

       งาน​วิจัย​ของ ว​ปนี​ตา นิต​ยา​พร (2543) ที่​ศึกษา​การ​วิจัย​เกี่ยว​กับ​อิทธิพล​ของ​สื่อมวลชน​ต่อ​บุคคล ผู้​วิจัย​มุ่ง​
เน้นไ​ปท​ ี่ก​ ารห​ าความ​สัมพันธ์​ใน​เชิงป​ ฏิสัมพันธ์​ระหว่าง​การ​เปิดร​ ับ​สื่อท​ ี่ม​ ี​ความร​ ุนแรง และ​สภาพแ​ วดล้อม​ทาง​สังคมต​ ่อ​
พฤติกรรม​ก้าวร้าว​ของ​มนุษย์​ใน​ช่วง​วัย​รุ่น​ว่า​มี​ความ​สัมพันธ์​เชิง​ปฏิสัมพันธ์​ใน​ลักษณะ​สนับสนุน​กัน​หรือ​ไม่​อย่างไร ซึ่ง​
ใน​งาน​วิจัย​เรื่อง​นี้​กำ�หนด​ให้​ความ​ก้าว​ร้าว หมาย​ถึง​การก​ระ​ทำ�​ใด ๆ ก็ตาม​ที่​พยายาม​ให้​บุคคล​อื่น​ได้​รับ​ความ​เจ็บ​ปวด​
หรือ​บาด​เจ็บ ซึ่ง​อาจเ​ป็น​ทาง​ด้านร​ ่างกายห​ รือ​ทาง​ด้านจ​ ิตใจ​รวม​ทั้งก​ ่อ​ให้​เกิด​ความเ​สีย​หาย​ของท​ รัพย์สิน​ต่าง ๆ และ​จะ​
มี​การแ​ สดงออกโ​ดย​การ​ใช้ค​ ำ�​พูดห​ รือ​การใ​ช้​ร่างกาย​กระทำ� ในส​ ่วนส​ ื่อมวลชน​ที่​มีค​ วามร​ ุนแรงน​ ั้น ผู้ว​ ิจัย​กำ�หนดว​ ่า​เป็น​
สื่อ​ที่​ถ่ายทอด​เรื่อง​ราว​เกี่ยวข้อง​กับ​การ​ทำ�ให้​บุคคล​อื่น​ได้​รับ​บาด​เจ็บ​ล้ม​ตาย เดือด​ร้อน หรือ​เจ็บ​ปวด​ด้วย​การก​ระ​ทำ�
​ทาง​วาจา​และ​/หรือ​ทาง​ร่างกาย รวม​ทั้ง​ทำ�ให้​ทรัพย์สิน​เสีย​หาย​และ​เพื่อ​ให้​สามารถ​เห็น​ผล​ความ​สัมพันธ์​ได้​เด่น​ชัด​ขึ้น​
และต​ ัด​ปัญหา​ของค​ วามแ​ ตก​ต่างร​ ะหว่างเ​พศอ​ อก​ไป งาน​วิจัยเ​รื่อง​นี้​จึงเ​ลือก​ศึกษา​กลุ่ม​ตัวอย่างท​ ี่​เป็นว​ ัย​รุ่นช​ ายเ​ท่านั้น
การศ​ ึกษาค​ วาม​สัมพันธ์​เชิงป​ ฏิสัมพันธ์ร​ ะหว่าง​การเ​ปิดร​ ับ​สื่อมวลชน​ที่​มีเ​นื้อหาร​ ุนแรง​และส​ ภาพแ​ วดล้อมท​ าง​สังคมต​ ่อ​
พฤติกรรม​ก้าวร้าว​ของ​กลุ่ม​วัย​รุ่น​ชาย​นี้​ผู้​วิจัย​ใช้​วิธี​การ​วิจัย​เชิง​ปริมาณ​เป็น​แนวทาง​ใน​การ​ศึกษา​กับ​วัย​รุ่น​ชาย​ที่​มีอายุ​
ระหว่าง 16-18 ปี จาก​ผล​การ​วิเคราะห์ข​ ้อมูลใ​นเ​ชิง​สถิติพ​ บ​ว่า การเ​ปิด​รับส​ ื่อมวลชน​ที่​มีเ​นื้อหาร​ ุนแรงไ​ม่มี​อิทธิพลห​ รือ​
ส่ง​ผล​โดยตรง​ต่อ​พฤติกรรม​ก้าว​ร้าว​ของ​กลุ่ม​ตัวอย่าง​แต่​จะ​แสดง​ความ​สัมพันธ์​ใน​เชิง​ปฏิสัมพันธ์​กับ​สภาพ​แวดล้อม​
ทาง​สังคม​ต่อ​พฤติกรรมก​ ้าวร​ ้าว​ของ​กลุ่มต​ ัวอย่าง​ตามส​ มมติฐานท​ ี่​ตั้งไ​ว้​ แต่​ผล​ใน​เชิงป​ ฏิสัมพันธ์จ​ ะ​ปรากฏข​ ึ้นเ​มื่อก​ ลุ่ม​
ตัวอย่าง​มี​สภาพ​แวดล้อม​ทาง​สังคม​เพียง​กรณี​ที่​ได้​รับ​การ​อบรม​เลี้ยง​ดู​แบบ​ปล่อย​ปละ​ละเลย​เท่านั้น ​ส่วน​ปัจจัย​ที่​มี​
อิทธิพล​หรือ​ส่ง​ผล​โดยตรง​ต่อ​พฤติกรรม​ก้าวร้าว​ของ​กลุ่ม​ตัวอย่าง​อย่าง​เห็น​ได้​ชัด​คือ​สภาพ​แวดล้อม​ทาง​สังคม ​ได้แก่
สถาบัน​ครอบครัว​ที่ป​ ระกอบด​ ้วย​การอ​ บรม​เลี้ยงด​ ูแ​ บบ​เข้ม​งวด ​การอ​ บรม​เลี้ยงด​ ู​แบบป​ ล่อยป​ ละล​ ะเลย ​และก​ ารอ​ บรม​
เลีย้ งด​ แ​ู บบร​ ักต​ ามใจใ​นสถาบันก​ ารศ​ ึกษาห​ รือโ​รงเรยี นแ​ ละก​ ลุ่มเ​พือ่ น ผลจ​ ากก​ ารว​ จิ ยั ช​ ว่ ยเ​สรมิ ส​ ร้างค​ วามเ​ขา้ ใจเ​กี่ยวก​ บั ​
อิทธิพล​ของ​ส่ือมวลชนท​ ี่​เห็น​ว่า​อิทธิพล​ของ​ส่ือมวลชน​จะ​มี​มาก​เพียง​ใด​ขึ้น​อยู่​กับ​ปัจจัย​ร่วม​ของ​สภาพ​แวดล้อมท​ าง​สังคม
จากผ​ ลก​ ารศ​ กึ ษาส​ ามารถน​ ำ�​มาป​ ระยุกตเ​์ ปน็ แ​ นวทางก​ ารป​ ้องกนั แ​ ละบ​ รรเ​ทาป​ ญั หาพ​ ฤติกรรมค​ วามก​ า้ วรา้ วใ​นก​ ลุ่มว​ ัยร​ ุ่น
​ให้ก​ ับ​หน่วย​งานร​ ัฐแ​ ละเ​อกชน ตลอด​จน​สถาบันท​ างส​ ังคม​ที่​เกี่ยวข้องก​ ับ​ปัญหา​ดังก​ ล่าวไ​ด้

กจิ กรรม 14.2.2
       ผลก​ ารว​ ิจยั ส​ ือ่ มวลชนส​ ามารถน​ �ำ ไ​ป​ประยุกต​ใ์ ช้ได​้อย่างไร

แนวต​ อบ​กจิ กรรม 14.2.2
       (1)		ผลก​ ารศ​ ึกษาส​ ามารถน​ �ำ ​มา​เป็นแนวทางส​ �ำ หรบั ​ผลติ ร​ ายการไ​ด้
       (2)		ผล​การ​วิจยั ​ช่วยเ​สริมส​ ร้างค​ วาม​เข้าใจ​เกีย่ วก​ บั อ​ ิทธพิ ลข​ องส​ ่อื มวลชน​ได้
       (3)		ผล​การ​วจิ ยั ​สามารถ​น�ำ ม​ าเป็น​แนวทาง​ใน​การก​ ำ�กับด​ แู ลส​ ือ่ มวลชน​ได้
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32