Page 58 - การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา
P. 58

2-48 การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา

  จากงานวิจัยเดิม โดยมีการกำ� หนดปญั หาวจิ ยั เจาะลึกใหไ้ ด้ผลการวจิ ัยละเอียดลกึ ซง้ึ มากย่งิ และเส้นทางวงจร
  วิจัยวงจรต่อยอดใหม่มีขอบเขตขยายมากข้ึนทั้งในแนวกว้างและแนวลึก ดังต่อไปน้ี

          ขนั้ ตอน 1 การตง้ั ปญั หาวจิ ยั หรอื กำ� หนดโจทยป์ ญั หาวจิ ยั ขั้นตอนการตงั้ ปัญหาวจิ ยั คอื การส�ำรวจ
  ความสนใจ และความต้องการในการวิจัย รวมท้ังการศึกษาผลงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องในอดีต และผลงานวิจัย
  ใหม่ ๆ จนนักวิจัยมีความรู้/ข้อมูลใหม่ สามารถระบุปัญหาหรือโจทย์วิจัยใหม่ได้ และสามารถปรับปรุงปัญหา
  วิจัยให้เหมาะสมยิ่งข้ึนได้ ปัญหาวิจัยท่ีก�ำหนดข้ึนน้ีจะเป็นเสมือนเข็มทิศให้นักวิจัยใช้เป็นแนวทางในการ
  ดำ� เนนิ งานวจิ ยั ขน้ั ตอน 2-11 โดยการดำ� เนนิ งานทกุ ขนั้ ตอนยดึ โยงกบั ปญั หาวจิ ยั และไมอ่ อกนอกกรอบปญั หา
  วิจัย ทั้งน้ีแนวคิดในการตั้งปัญหาวิจัยในการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพแตกต่างกันตาม
  หลักปรัชญาการวิจัยท่ีแตกต่างกัน

          ในข้ันตอนการต้ังปัญหาวิจัยนี้ นักวิจัยต้องศึกษาวรรณกรรม โดยเฉพาะสภาพความเป็นจริง และ
  งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเร่ืองที่นักวิจัยจะท�ำ เพื่อเรียนรู้ว่าสภาพความเป็นจริงและผลงานวิจัยท่ีผ่านมาได้
  องค์ความรู้ในประเด็นใดแล้ว ยังเหลือประเด็นใดที่ต้องท�ำวิจัยต่อเน่ืองให้ลึกซึ้งมากข้ึน เพื่อที่นักวิจัยไม่ต้อง
  ท�ำวิจัยซํ้าซ้อนกับงานวิจัยในอดีต หากนักวิจัยต้องการท�ำวิจัยในแนวเดียวกับการวิจัยในอดีต นักวิจัยต้องมี
  ประเด็นปัญหาวิจัยต่อยอด/ขยายผลเพ่ือให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ที่กว้างและลึกมากข้ึน ดังน้ันนักวิจัยจึงต้อง
  ทบทวนวรรณกรรมท่ีเก่ียวข้องเพื่อเรียนรู้ว่า 1) ผลการวิจัยล่าสุดเป็นอย่างไร มีข้อเสนอแนะให้ท�ำวิจัยต่อ
  เนื่องไปในทิศทางใด 2) สภาพความเป็นจริงมีการพัฒนาตามผลการวิจัยเป็นอย่างไร ควรต้องท�ำวิจัยต่อไป
  อย่างไร และ 3) ผลงานวิจัยใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องมีแนวโน้มในการวิจัยแบบใด และใช้วิธีการวิจัยทันสมัย
  แตกต่างจากเดิมอย่างไร เพื่อนักวิจัยจะได้ใช้เป็นแนวทางช่วยในการตัดสินใจก�ำหนดปัญหาวิจัยที่ใหม่
  ไม่ซ้ําซ้อนกับงานวิจัยในอดีต และมีนวัตกรรมท่ีเป็นประโยชน์ อันเป็นการเพ่ิมคุณค่าให้งานวิจัยของนักวิจัย

          ขน้ั ตอน 2 การทบทวน (การค้นคว้า การศกึ ษา และการน�ำเสนอ) วรรณกรรม ภาระงานขั้นตอนน้ี
  มีความส�ำคัญมาก เพราะขั้นการทบทวน (review) เป็นขั้นตอนท่ีนักวิจัยต้องสร้างฐานความรู้ใหม่ให้ตนเอง
  มากเพียงพอส�ำหรับด�ำเนินการวิจัยให้ส�ำเร็จตามวัตถุประสงค์การวิจัยที่ก�ำหนด สาระส�ำคัญในข้ันตอนนี้มี 3
  กิจกรรม คือ 1) การคน้ ควา้ วรรณกรรม (literature searching) นักวิจัยต้องมีความรู้ความช�ำนาญในการระบุ
  ค�ำส�ำคัญ (keywords) ประเภทวรรณกรรม แหล่งเก็บวรรณกรรม การสืบค้นและการค้นคืน (retrieve)
  วรรณกรรม โดยควรมีทักษะในการค้นคืน (retrieve) วรรณกรรมตามท่ีก�ำหนด ท้ังการค้นคืนด้วยตนเอง
  และการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการจัดหาวรรณกรรมท่ีค้นคืนได้ 2) การศึกษาวรรณกรรม นักวิจัย
  น�ำวรรณกรรมท่ีค้นคว้าได้ มาศึกษาวรรณกรรม โดยเริ่มต้นด้วยการประเมินคุณภาพวรรณกรรมตามเกณฑ์
  ท่ีก�ำหนด เพ่ือคัดกรองให้ได้วรรณกรรมท่ีมีคุณภาพเหมาะสม และมีจ�ำนวนเหมาะสมตามความต้องการ จาก
  นั้นจึงอ่านวรรณกรรมที่ผ่านการคัดกรองท�ำความเข้าใจ และจดบันทึกเน้ือหาสาระท่ีเก่ียวข้องกับการวิจัยของ
  ตนทุกเร่ืองและสรุปสังเคราะห์เน้ือหาสาระทั้งหมดโดยการจด/พิมพ์ในกระดาษ หรือโดยการใช้โปรแกรม
  คอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื บนั ทกึ สาระทไี่ ดจ้ ากผลการศกึ ษาวรรณกรรม และ 3) การน�ำเสนอผล การศึกษาวรรณกรรม
  นักวิจัยน�ำผลการศึกษาวรรณกรรมมาสรุปสาระตามหลักวิจัย โดยอาจเสนอเป็นข้อความ พร้อมทั้งกรอบ
  แนวคิดเชิงทฤษฎี (theoretical framework) และกรอบแนวคิด (conceptual framework) รวมท้ังนิยาม
  ตัวแปร/ขอบข่ายข้อมูลเชิงคุณภาพ ตามขั้นตอน 2 ในภาพท่ี 1
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63