Page 20 - การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา
P. 20

6-10 การวิจัยทางการวัดและประเมินผลการศึกษา

            1.1.1 การประเมินตนเอง เป็นการให้ผู้ท่ีเป็นเป้าหมายของการวัดเจตพิสัย ตรวจสอบตัดสิน
ตัวเองตามรายการท่ีก�ำหนด มีข้อดีคือเป็นผู้รู้ข้อมูลตนเองดี เป็นการกระตุ้นให้อยากพัฒนาตนเอง ข้อจ�ำกัด
คือผู้วิจัยมักเข้าข้างตัวเอง โดยเฉพาะการประเมินที่เกี่ยวข้องกับรางวัล ผลตอบแทน ความดีความชอบ
เครอ่ื งมอื ทใี่ หป้ ระเมนิ ตนเองในดา้ นเจตพสิ ยั ไดแ้ ก่ แบบสอบถามมาตรประมาณคา่ แบบบนั ทกึ ตนเอง เปน็ ตน้

            1.1.2 การใหผ้ ู้อ่นื ประเมนิ เช่น ให้เพ่ือนประเมิน ให้กลุ่มวิพากษ์ หรือการอภิปราย เป็นการ
แก้ปญั หาเรือ่ งความลำ� เอยี งเข้าขา้ งตนเอง หลกั การคือผูเ้ รียนตอ้ งวพิ ากษด์ ว้ ยเหตุผลและประเมินด้วยเกณฑ์
การประเมิน รู้จักท่ีจะบอกข้อดีเพื่อให้ก�ำลังใจ เมื่อจะติติงต้องมีข้อเสนอแนะด้วยทุกครั้ง และผู้ถูกประเมิน
ต้องใจกว้างที่จะโต้แย้งด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ซ่ึงเป็นข้อดีของวิธีน้ี ดังค�ำกล่าวของจิราภรณ์ ศิริทวี (2545)
ท่ีว่าการให้เพ่ือนประเมินเป็นวิธีการประเมินที่สอนให้นักเรียนมีประสบการณ์ในการเป็นนักประเมินที่ดี คือ
เรียนรู้การเป็น “ผู้ประเมินและผู้ถูกประเมิน” รู้จักประเมินตามเกณฑ์ไม่ใช่ตามใจ และรู้จักยอมรับผลการ
ประเมินอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่หาข้อแก้ตัวหรือต�ำหนิพวกพ้อง เคร่ืองมือท่ีให้ผู้อื่นประเมินเจตพิสัย ได้แก่
แบบบันทึกการสังเกต แบบสังคมมิติ แบบส�ำรวจรายการ แบบมาตรประมาณค่า

       1.2 	วิธกี ารวดั ด้านเจตพสิ ัยที่จำ� แนกตามวิธีการเกบ็ ขอ้ มลู แบ่งได้เป็นหลายวิธี มีรายละเอียดดังนี้
            1.2.1 การสงั เกต การวัดโดยครูสังเกตการปฏิบัติตนของผู้เรียน เช่น ความรับผิดชอบ การมี

ส่วนร่วมในกิจกรรมของสังคม การวัดเจตพิสัยโดยเฉพาะด้านคุณธรรม จริยธรรมควรใช้วิธีการสังเกต
จะท�ำให้ได้ผลการวัดที่แท้จริง ตรงกับสภาพความเป็นจริงของนักเรียน ส่วนวิธีการวัดวิธีอื่น ๆ ไม่ว่าจะวัด
ด้วยแบบสอบถามมาตรประมาณค่า หรือแบบวัดสถานการณ์ มีข้อจ�ำกัดขึ้นอยู่กับการตอบของนักเรียน
ที่อาจตอบไม่ตรงกับความเป็นจริง การสังเกตที่ดีต้องสังเกตในภาวะปกติหลาย ๆ คร้ังหลายโอกาส เช่น
สังเกตพฤติกรรมความประพฤติ การปฏิบัติตนและการท�ำงานของผู้เรียนโดยตรง นอกจากน้ันใช้วิธีการวัด
อ่ืน ๆ ร่วมด้วย เคร่ืองมือที่ใช้ในการสังเกต คือ แบบบันทึกการสังเกต

            1.2.2 	การใช้มาตรประมาณค่า เป็นการวัดเจตพิสัยท่ีมีระดับความเข้มของความรู้สึก เช่น
มาตรวัดเจตคติ วิธีการวัดอาจให้ผู้ตอบประเมินตนเองหรือประเมินเพื่อน หรือประเมินจริยธรรมของคนใน
สังคม เครื่องมือท่ีใช้วัดวิธีน้ีคือ แบบสอบถามมาตรประมาณค่า รูปแบบของมาตรประมาณค่า ได้แก่
มาตรวัดแบบลิเคิร์ทหรือลิเคอร์ท มาตรวัดแบบออสกูด เป็นต้น

            1.2.3 	การวดั จากโครงงาน แฟม้ สะสมงาน แบบฝกึ หดั เปน็ วธิ กี ารวดั รว่ มกบั การวดั สมรรถภาพ
อื่น ๆ คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัยตามสภาพจริง แล้วครูยังสามารถวัดเจตพิสัยได้ด้วย เช่น ความ
ตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ ความประหยัด การท�ำงานร่วมกับผู้อ่ืน ข้อดีวิธีนี้คือ เป็นข้อมูลที่แสดงความ
สามารถของผู้เรียนตามความเป็นจริง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถอื่น ๆ นอกเหนือจากทาง
ด้านสมอง ข้อจ�ำกัดคือ ถ้าให้ความส�ำคัญกับวิธีนี้มากเกินไปจะท�ำให้เกิดการสร้างเอกสารท่ีไม่ใช่สภาพท่ี
เป็นจริง เครื่องมือท่ีใช้วัดวิธีน้ีคือ แบบมาตรประมาณค่า แบบบันทึกการสังเกต
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25