Page 30 - ไทยศึกษา
P. 30

๙-20 ไทยศึกษา

เรื่องที่ ๙.๒.๑
วรรณกรรมศาสนาและค�ำสอน

       วรรณกรรมศาสนาและค�ำสอน เปน็ วรรณกรรมที่มคี วามส�ำคญั อย่างย่งิ ในการสร้างเสริมใหค้ นใน
สังคมเป็นผู้มีคุณธรรม มีหลักการในการด�ำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง เป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคมที่ตน
เปน็ สมาชกิ นบั ตง้ั แตเ่ รามวี รรณคดลี ายลกั ษณเ์ ปน็ ตน้ มา ปรากฏวรรณกรรมศาสนาและวรรณกรรมคำ� สอน
ตอ่ เนอื่ งมาโดยตลอด หลกั ธรรมคำ� สอนในวรรณกรรมประเภทนจี้ งึ มบี ทบาทสำ� คญั ในการจรรโลงสงั คมไทย
ตลอดมา วรรณกรรมศาสนาและค�ำสอนน้ีแยกเป็นประเภทย่อยได้ แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวเน่ืองกัน
เพอ่ื ความชดั เจนจึงจะแยกอธิบายเป็น ๒ ประเภท คอื วรรณกรรมศาสนาและวรรณกรรมค�ำสอน

๑. 	วรรณกรรมศาสนา

       วรรณกรรมศาสนาในที่น้ี คือ วรรณกรรมพุทธศาสนา เร่ืองที่เก่าแก่ท่ีสุดของไทยคือ เตภูมิกถา
หรอื ทเี่ รียกกนั วา่ “ไตรภมู พิ ระร่วง” พระมหาธรรมราชาลิไท กษัตริยร์ าชวงศ์พระรว่ ง เป็นผปู้ ระพันธ์ขนึ้
ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมท่ีผู้ประพันธ์ทรงรวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์พระพุทธศาสนารวมกันถึง ๓๐
คมั ภีร์

       ไตรภูมิ หมายถงึ ภูมทิ ้ัง ๓ คือ กามภูมิ รปู ภมู ิ และอรูปภมู ิ
       กามภูมิ หมายถึงภูมิท่ียังเก่ียวข้องด้วยกามกิเลส แบ่งเป็น ๑) อบายภูมิ ซึ่งมีแดนของเปรต
อสรุ กาย นรก และเดยี รจั ฉาน ๒) มนษุ ยภมู ิ แบง่ เปน็ ๔ ทวปี ไดแ้ ก่ ชมพทู วปี บรุ พวเิ ทหะทวปี อมรโคยาน
ทวีป และอุตรกรุ ุทวปี ๓) ฉกามาพจรภูมิ คือสวรรค์ ๖ ชัน้ ไดแ้ ก่ จาตมุ หาราชกิ า ดาวดงึ ส์ ยามะ ดสุ ิต
นมิ มานรดี และปรนมิ มิตวสวัตดี
       รูปภูมิ เป็นทอ่ี ยู่ของพรหม มีสมาธจิ ิตสงู ขน้ึ ตามลำ� ดับ มีอยู่ ๑๖ ช้ัน
       อรูปภูมิ เป็นท่อี ยู่ของพรหมข้นั สูง ผอู้ ยใู่ นชน้ั น้ีมีฌานแก่กลา้ ไมม่ ีรปู กาย
       ไตรภมู เิ ปน็ วรรณกรรมศาสนาทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ จติ ใจของประชาชนมาเปน็ เวลานาน การบรรยายเรอื่ ง
ไดล้ ะเอยี ดจนนกึ เหน็ ภาพไดช้ ดั เจน เชน่ บรรยายภาพนรกนานาชนดิ ไวอ้ ยา่ งนา่ สะพรงึ กลวั รวมทงั้ แจกแจง
อย่างละเอียดว่าผู้ตกนรกนั้นกระท�ำกรรม ท�ำบาปชนิดใด แล้วต้องไปสู่นรกขุมใด ผู้ประพฤติดีประพฤติ
ชอบไม่เบียดเบียนท�ำร้ายผู้อื่นก็จะได้ไปเกิดในแดนอันเป็นสุข แม้เกิดในมนุษยภูมิแต่ละทวีปก็ต่างกัน
ชมพูทวีป ดินแดนที่มีสุขบ้างทุกข์บ้าง มีอายุไม่ยืนยาว เหตุท่ีเป็นเช่นนี้เพราะคนในชมพูทวีปถือศีล ๕
ไมค่ รบถว้ น แตม่ นษุ ยท์ มี่ สี ขุ ทสี่ ดุ คอื อตุ รกรุ ทุ วปี เปน็ สถานทสี่ วยงาม คนมอี ายยุ นื ถงึ ๑,๐๐๐ ปี ไมแ่ กเ่ ฒา่
เป็นหนุ่มเป็นสาวคงที่ตลอดชีวิต ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งไม่ต้องด้ินรนในการท�ำมาหากิน
ปรารถนาส่ิงใดก็จะได้สมประสงค์ มีทุกส่ิงที่ชีวิตต้องการ ท้ังน้ีเพราะคนในทวีปดังกล่าวถือศีล ๕ อย่าง
เคร่งครดั จงึ ไดร้ ับผลบุญเชน่ นั้น ผทู้ เ่ี กดิ ในสวรรค์กจ็ ะเปน็ สขุ ยิ่งข้นึ ผปู้ ระพนั ธ์วาดภาพนรกและสวรรคไ์ ว้
ละเอยี ดมาก ไตรภมู พิ ระรว่ งจงึ เปน็ วรรณกรรมส�ำคญั ทโ่ี นม้ นา้ วใจคนใหป้ ระพฤตดิ ลี ะเวน้ ชวั่ นบั ถอื กนั ตอ่ ๆ
มาและเปน็ วรรณกรรมศาสนาทีช่ ่วยยับย้ังการประพฤติผิดของคนในสงั คมสบื เน่อื งมาจนถึงปจั จุบัน
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35