Page 20 - วัฒนธรรมกับการท่องเที่ยว
P. 20
11-10 วัฒนธรรมกับการทอ่ งเทีย่ ว
2.2 คุณค่าทางวัฒนธรรม อาหารท�ำหน้าที่เป็นทูตทางวัฒนธรรม เน่ืองจากบ่งบอกเอกลักษณ์
ทางวฒั นธรรมไดด้ พี อๆ กบั การใชภ้ าษา การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั อาหารของแตล่ ะทอ้ งถน่ิ ทำ� ใหเ้ ราสามารถเรยี นรู้
และเข้าใจความเช่ือท่ีแตกต่างกันแต่ละแห่งได้ เช่น วิถีปฏิบัติในการรับประทานอาหารของคนไทยมักถูก
สง่ั สอนใหก้ นิ ขา้ วใหห้ มดจานไมใ่ หเ้ หลอื ทง้ิ ขวา้ ง เพราะมคี วามเชอื่ เกยี่ วกบั ขา้ วและแมโ่ พสพ ในขณะทบ่ี าง
วฒั นธรรมการกนิ เหลอื ในจานเลก็ นอ้ ยถอื เปน็ มารยาททด่ี เี พราะหากทานจนหมดเกลยี้ งเจา้ บา้ นจะไมท่ ราบ
ว่าเราอิ่มแล้วหรือยัง (Stajcic, 2013) นอกจากน้ีวัฒนธรรมอาหารยังแสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมในอดีต
เชน่ ในอดีตผู้หญงิ ในสงั คมไทยจะมหี นา้ ท่หี งุ หาอาหาร (ผู้ปรนนิบตั )ิ ในขณะที่ผูช้ ายเปน็ ผ้บู ริโภคอาหาร
หรอื เสพอาหาร (ผไู้ ดร้ บั การปรนนบิ ตั )ิ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วฒั นธรรมชายเปน็ ใหญใ่ นอดตี (อรษุ ยา ผพู้ ฒั น,์ 2547
อา้ งใน พนู ผล โควบิ ลู ยช์ ยั , 2556)
2.3 คุณค่าทางสังคม หรือความสัมพันธ์กับผู้คน อาหารสะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ใน
ครอบครัว เครือญาติ และเพื่อนฝูง อาหารถูกน�ำมาใช้ในการเซ่นสังเวยแด่วิญญาณบรรพบุรุษผู้ท่ีล่วงลับ
ไปแล้วซึ่งปรากฏให้เห็นท่ัวทุกชุมชนในประเทศไทย เช่น ชาวไทยเชื้อสายจีนมีการไหว้บรรพบุรุษในวัน
เช็งเม้ง และนอกจากน้ีการท�ำอาหารในงานบุญประเพณียังเป็นกิจกรรมท่ีก่อให้เกิดความสามัคคีและร่วม
แรงร่วมใจกันของคนในชุมชนอีกด้วย กล่าวได้ว่าอาหารเป็นสื่ออย่างหน่ึงท่ียึดโยงคนในสังคมเข้าด้วยกัน
ในทางจิตวิทยามองว่าอาหารมีคุณค่าทางอารมณ์และจิตใจ เพราะอาหารที่รับประทานและผู้คนที่เรารับ
ประทานอาหารดว้ ยสามารถกอ่ ใหเ้ กดิ ปฏสิ มั พนั ธแ์ ละเกดิ ความผกู พนั กนั ทำ� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ เปน็ สว่ นหนง่ึ
ทงั้ ในระดบั ครอบครวั สงั คม และประเทศ (Sense of Belonging) มคี วามสำ� คญั ในการตอกยำ�้ ความแตกตา่ ง
ระหวา่ งกลมุ่ ชนชน้ั ทางสงั คม และกลมุ่ วฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ งกนั อกี ทงั้ ยงั เสรมิ สรา้ งอตั ลกั ษณข์ องแตล่ ะกลมุ่
คือ บางคร้ังอาหารถกู ใชใ้ นการบอกความแตกตา่ งระหว่างพวกเรากบั คนอื่น เชน่ งานวิจยั ของ Almerico
(2014) อธิบายถึงคุณค่าของอาหารในเชิงความสัมพันธ์ว่ากลุ่มคนที่เลือกรับประทานอาหารเหมือนกันจะ
รสู้ กึ วา่ เปน็ พวกเดยี วกนั เชน่ กลมุ่ คนทรี่ บั ประทานอาหารมงั สวริ ตั มกั ถกู มองวา่ เปน็ กลมุ่ คนรกั สง่ิ แวดลอ้ ม
และมกั เลอื กใชส้ ง่ิ ของเครอื่ งใชท้ ร่ี กั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม ในขณะทกี่ ลมุ่ คนทร่ี บั ประทานอาหารจานดว่ นจะถกู มอง
ว่าเป็นคนที่ไม่รักษาสิ่งแวดล้อมและไม่ใส่ใจสุขภาพ ในขณะท่ีงานวิจัยของ Allegra Clare Schermuly
and Helen Forbes-Mewett (2016) สรุปว่าอาหารเป็นสิ่งที่มีบทบาทอย่างมากในการเสริมสร้างและ
ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของกลุ่มคนที่อพยพไปอยู่ต่างถิ่น ท�ำให้กลุ่มคนท่ีอพยพไปอยู่ต่างถ่ินรู้สึกอบอุ่นและ
ระลึกถึงบ้านเกิด (Sense of Nostalgia) อีกทั้งร้านอาหารท่ีอยู่ต่างถ่ินนอกจากเป็นสถานที่ขายอาหาร
แล้วยังท�ำหน้าท่เี ปน็ สถานที่พบปะของกลุ่มคนที่มอี ัตลักษณ์และความชอบเดยี วกันเข้าไวด้ ว้ ยกัน ในขณะ
ที่ประเทศไทยตัวอย่างวัฒนธรรมอาหารท่ีถูกใช้ในการบอกความแตกต่างระหว่างพวกเรากับคนอ่ืน เช่น
วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของแรงงานชาวไทใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ชาวไทใหญ่ยังคงรักษา
เอกลกั ษณใ์ นการรบั ประทานขา้ วสวยของตนเอาไวแ้ มว้ า่ ในเชยี งใหมค่ นจะนยิ มรบั ประทานขา้ วเหนยี วกต็ าม
ขณะเดยี วกนั กป็ รบั เปลย่ี นเพอื่ ทจี่ ะรกั ษารสชาตขิ องอาหารใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มใหม่ ชาวไทใหญ่
ส่วนใหญ่ท�ำอาหารกินเองทุกวันเพ่ือประหยัดค่าใช้จ่ายและเพื่อเติมเต็มรสชาติที่โหยหาจากบ้านเกิด เมนู
ทชี่ าวไทใหญท่ ำ� รบั ประทานบอ่ ยๆ เชน่ อบุ๊ ปลาดกุ อบุ๊ ผกั เขยี ว (มสี ว่ นผสมเปน็ ผกั หลายชนดิ ) เนอื้ แอบ๊ อบุ๊