Page 17 - สื่อศึกษา
P. 17
ผ้รู บั สาร 6-7
การมสี ว่ นรว่ มในรายการได้ โดยผา่ นการสง่ ขอ้ ความทางโทรศพั ท์ การรว่ มโหวตหรอื ลงคะแนน อยา่ งไรกด็ ี
แมผ้ รู้ บั สารจะมสี ว่ นรว่ มกต็ ามแตย่ งั เทยี บไมไ่ ดก้ บั การเปน็ ผรู้ บั สารในฐานะสาธารณะในหวั ขอ้ ถดั ไป เพราะ
ว่า หากการแสดงยตุ ลิ งไปกลมุ่ ผ้ชู มกอ็ าจสลายตัวไดเ้ ชน่ กัน
- ผู้รับสารในฐานะสาธารณะ (public) จะมงุ่ เน้นการทผี่ ู้รับสารรวมกลุ่มกนั ภายหลังจาก
การได้รับขา่ วสารต่างๆ เพ่ือให้เกดิ ความเคล่อื นไหวทางสงั คม ทัง้ การเมอื ง ชมุ ชน และประเด็นต่างๆ ใน
สงั คม
แนวคิดน้ืถือก�ำเนิดจากส่ือสิ่งพิมพ์ นั่นก็คือ หนังสือและหนังสือพิมพ์ การส่ือสารเร่ิมผ่าน
“สื่อ/ช่องทาง” ท�ำให้ไม่จ�ำเป็นต้องมีผู้ส่งสารท่ีเป็นตัวคนอีกต่อไป แต่สามารถเผยแพร่ได้ไปในวงกว้าง
นอกจากนั้น ยังผลให้สร้างผู้รับสารแบบใหม่ที่ต้อง “อ่าน” แม้ไม่อ่านเองก็มักจะอ่านแบบรวมกลุ่ม
การอา่ นแบบนเ้ี องสง่ ผลตอ่ การ “ขบคดิ ” และเนอ่ื งดว้ ยบรบิ ทสงั คมในยคุ นเ้ี กดิ ขนึ้ ในชว่ งหลงั เมอ่ื สงั คมกา้ ว
สสู่ งั คมสมยั ใหมแ่ ละประชาธปิ ไตย เนอื้ หาตา่ งๆ ในสอ่ื ใหมน่ จ้ี ะเรมิ่ มงุ่ เนน้ ความคดิ ของบคุ คล เชน่ อสิ รภาพ
เสรภี าพ ทำ� ใหก้ ลมุ่ ผอู้ า่ นทร่ี วมตวั กนั นนั้ เกดิ การเคลอ่ื นไหวของสงั คม ในประเดน็ ตา่ งๆ โดยเฉพาะการเมอื ง
เพื่อใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงเป็นระบบประชาธปิ ไตย
ในปัจจุบันแนวคิดดังกล่าวเริ่มย้อนกลับมาใหม่อีกคร้ังหน่ึง นับต้ังแต่การรวมตัวของผู้ฟัง
รายการวทิ ยุ จส. 100 เมอ่ื รวมตวั กนั ฟงั และสง่ ผลตอ่ การเคลอ่ื นไหวการแกไ้ ขปญั หาจราจร อกี ทง้ั การขยบั
ไปสบู่ รรดากลุม่ คนตัวเล็กในสงั คมก็เร่ิมใช้สือ่ เพื่อแสดงตัวตนหรืออตั ลกั ษณ์ เช่น กลมุ่ คนพิการ สตรี เดก็
คนพลดั ถ่ิน ตลอดจนแฟนคลับ (fan club) ท่ีรวมตัวกนั เคล่อื นไหวบนประเดน็ ท่ตี นสนใจ และมากไปกว่า
นั้น ผู้รับสารเริ่มมีส่วนร่วมในการผลิตส่ือ ดังเช่น แนวคิด ซิติเซ่น เจอร์นัลลิซึม (citizen journalism)
หรือนักข่าวพลเมือง การผลิตส่ือในท้องถิ่นเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งหมดนั้น มองว่า
ผรู้ ับสารเปน็ ผกู้ ระตือรือร้น มกี ารรวมตัวกันเพ่อื ให้เกดิ การเคลือ่ นไหวและเปลยี่ นแปลง
- ผู้รับสารในฐานะมวลชน (mass) แนวคิดนี้เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ในบริบท
ของสังคมอุตสาหกรรม ผู้คนเร่ิมอพยพก้าวมาท�ำงานในเมืองมากขึ้นและเกิดการเติบโตของส่ือมวลชน
ได้แก่ ภาพยนตร์ วิทยุ และโทรทัศน์ ผู้รับสารในรูปแบบใหม่จึงก่อตัวข้ึน คือ เป็นคนหมู่มาก มีความ
หลากหลาย กระจัดกระจาย ต่างคนต่างไมม่ ีปฏสิ มั พนั ธต์ ่อกนั สือ่ มวลชนจึงกลายมาเปน็ ส่ือท่ที ำ� หน้าทีท่ ้งั
แจ้งข่าวสาร ให้ความรู้ ความบนั เทงิ และทสี่ ำ� คัญคือ การรวบความแตกตา่ งหลากหลายของผู้คนเขา้ ดว้ ย
กัน การมองผูร้ ับสารจึงมีลักษณะเปน็ ผถู้ ูกกระทำ� (passive audience) คอ่ นข้างมาก เปน็ ผู้ที่สมยอมกบั
การครอบง�ำ มีความคิดโน้มเอียงไปตามที่สื่อมวลชนก�ำหนด ผู้รับสารจึงถูกจับแยกออกจากผู้ส่งสารโดย
เด็ดขาด
อยา่ งไรกด็ ี แนวคดิ ดงั กลา่ วกถ็ กู ทา้ ทายตอ่ มาวา่ ผรู้ บั สารจะเปน็ มวลชนเชน่ นนั้ ไปหมดดว้ ย
หรือโดยเฉพาะในสำ� นกั วฒั นธรรมศึกษาเริ่มตัง้ ข้อสงั เกตตา่ งไปวา่ ผูร้ บั สารอาจมีความแตกต่าง รวมถงึ มี
ลกั ษณะท่แี ตกย่อยออกไปมากมาย (fragmented audience) และบรโิ ภคส่ือทต่ี า่ งกนั ตคี วามหมายท่ีไม่
เหมอื นกัน และกา้ วไปสกู่ ารเป็นผเู้ ลอื กสอื่ /สรา้ งสารได้