Page 19 - หลักการประชาสัมพันธ์และโฆษณา
P. 19

แนวคดิ ใหมก่ ารประชาสัมพนั ธแ์ ละการโฆษณาในยุคดจิ ทิ ัล 2-9
       - ความปรารถนาดี (Goodwill) เปลี่ยนเป็นการเจตจ�ำนงเสรี (Freewill) ในยุคก่อนนั้น การ
ทำ� การประชาสัมพันธ์ หรอื การแสดงความรบั ผิดชอบต่อสงั คมขององค์การ (corporate social respon-
sibility) นั้นส่วนมากจะมาจากความต้องการขององค์การที่จะเป็น “ผู้ให้” โดยอาจจะไม่สอดคล้องกับ
ความต้องการของ “ผรู้ ับ” แต่ในยุคดิจทิ ลั น้นั สง่ิ ท่สี ำ� คญั กว่าการใหก้ ็คือ การที่ “ผู้รบั ” สามารถก�ำหนด
ได้ว่าส่ิงที่ต้องการรับหรือไม่ต้องการรับคืออะไร และการรับสิ่งท่ีให้มาน้ัน ต้องเป็นไปด้วยความยินยอม
พร้อมใจ โดยไมม่ เี งือ่ นไขผกู มดั จงึ จะเกดิ ผลทางบวกต่อองค์การ
       - การจูงใจ (Persuasion) และการตลาดแบบผลัก (Push Marketing) เปล่ียนเป็นความยินยอม
(Permission) และการตลาดแบบดึง (Pull Marketing) ในอดตี นนั้ แบรนดจ์ ะเนน้ การสอ่ื สารเพอื่ การจงู ใจ
โดยเฉพาะการก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อ แต่ในยุคดิจิทัลน้ัน ผู้บริโภคจ�ำนวนมากน้ันฉลาดในการเลือก
ซื้อสินค้า และมักจะปฏิเสธหรือไม่เช่ือใจการส่ือสารที่รู้สึกว่าเป็นการจูงใจ หรือการส่ือสารที่จงใจผลักมาสู่
ตนเอง (เชน่ การใชโ้ ฆษณาแบบดงั้ เดมิ ) แตจ่ ะเชอื่ ใจการสอ่ื สารทมี่ าจากการยนิ ยอมของตนเอง หรอื ตนเอง
เปน็ ผเู้ ขา้ มาหาเอง (เชน่ การสบื ค้นในโปรแกรมค้นหา หรอื การเข้าเว็บไซต์)
       - การสร้างสรรค์ (Create) เปลี่ยนเป็นการร่วมสร้างสรรค์/ความร่วมมือ (Co-Create/Collabo-
rate) ยุคดจิ ิทลั นัน้ เน้นการมีส่วนร่วมของผู้บรโิ ภค ดงั น้นั “การสร้างสรรค์” (create) ของแบรนด์ (เช่น
โฆษณา หรอื กิจกรรมพิเศษต่างๆ) อันเปน็ สงิ่ ส�ำคัญในยุคกอ่ นนั้น แมว้ า่ จะมีความน่าสนใจเพยี งใด แตก่ ็
อาจจะไมม่ พี ลงั เทยี บเทา่ กบั “การรว่ มสรา้ งสรรค”์ หรอื “ความรว่ มมอื ” ระหวา่ งแบรนดแ์ ละผบู้ รโิ ภค เชน่
การร่วมออกแบบผลิตภณั ฑ์หรอื กจิ กรรมพิเศษตา่ งๆ
       - การจัดการ (Management) และการควบคุม (Control) เปล่ียนเป็นการให้อ�ำนาจ (Empower-
ment) และการเชื่อมต่อ (Connect) การสอื่ สารในยุคก่อนน้ัน จะเน้นการสอื่ สารในส่ือทคี่ วบคุมจดั การได้
และผู้บริโภคถูกมองว่าเปน็ กลมุ่ คนท่ตี อ้ งมีการจัดการและควบคุม เชน่ จดั การและควบคุมการเปดิ รบั สาร
และทัศนคติต่อแบรนด์ การจัดการและควบคุมข่าวลือ แต่ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคมีทางเลือกและช่องทาง
มากมายจนแบรนดไ์ มอ่ าจจะ “จดั การ” และ “ควบคมุ ” ไดเ้ หมอื นกอ่ น และหากผบู้ รโิ ภครสู้ กึ วา่ ตนเองถกู
จัดการและควบคุม กลับจะย่ิงมีทัศนคติที่ไม่ดี ดังนั้นแบรนด์จึงควรเปิดโอกาส ให้อ�ำนาจกับผู้บริโภคใน
การก�ำหนดความต้องการ และการเรียกร้องความต้องการน้ันจากแบรนด์ และหาช่องทางในการเชื่อมต่อ
กับผู้บริโภคให้เกิดการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ได้อย่างสะดวกที่สุด ท้ังระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค และการ
เชอื่ มตอ่ ระหวา่ งผบู้ รโิ ภคดว้ ยกนั เอง เพอื่ บอกตอ่ และแนะน�ำสนิ คา้ ซงึ่ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจของผบู้ รโิ ภค
และทำ� ใหแ้ บรนดส์ ามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างเหมาะสมด้วย
       - การสร้างช่ือเสียง (Publicity) เปลี่ยนเป็นความภักดี (Loyalty) แต่เดิมน้ันเป้าหมายของการ
ประชาสัมพันธ์และโฆษณา คือ การสร้างช่ือเสียงให้กับแบรนด์หรือองค์การให้มากท่ีสุด อย่างไรก็ตาม
นกั การตลาดพบวา่ ชอ่ื เสยี งทไี่ ดร้ บั อาจจะไมน่ �ำไปสพู่ ฤตกิ รรมการซอ้ื สนิ คา้ กเ็ ปน็ ได้ โดยเฉพาะในยคุ ดจิ ทิ ลั
ที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกท่ีคล้ายคลึงกันจ�ำนวนมาก แบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีช่ือเสียงจ�ำนวนมากต้องประสบภาวะ
ขาดทนุ หรือปิดตัวไป ดังน้ันสิง่ ที่สำ� คัญกว่าช่อื เสยี ง (หรือถ้าวัดกันในยุคดิจิทลั ก็คือ ยอดไลค์และยอดแชร์
ของโพสตใ์ นสอ่ื สงั คมออนไลน)์ กค็ อื ความภกั ดที ลี่ กู คา้ มใี ห้ ดงั นน้ั เปา้ หมายสงู สดุ ของแบรนดใ์ นการสอ่ื สาร
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24