Page 41 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 41

วรรณกรรมทอ้ งถิ่นของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุในประเทศไทย 12-31
       รุ่งเช้าแม่นางกะเดิบซลา ต่ืนหุงหาอาหารจนสายก็ยังไม่เห็นลูกสาวและลูกเขยออกจากห้อง จึง
เอะใจเคาะประตไู มม่ ใี ครตอบ จงึ ลงเดนิ ไปหารอบๆ บา้ น เหน็ งใู หญท่ อ้ งปอ่ ง เนอื่ งจากกลนื นางกะเดบิ ซลา
ไปขดตัวอยใู่ นสวนหมอ่ นหลังบ้าน นางตกใจสดุ ขดี รอ้ งให้ชาวบา้ นมาชว่ ยฆา่ งูผ่าทอ้ งชว่ ย นางกะเดิบซลา
ออกมาได้ เร่ืองน้ีเป็นท่ีซุบซิบนินทาของคนในหมู่บ้านสร้างความอับอายแกนางกะเดิบซลาเป็นอย่างมาก
นางบอกกบั แมข่ องนางว่า ขอตัวไปอาบนำ�้ ลา้ งเมือกงูท่ีกลืนนางออก แมน่ างใหน้ อ้ งชายคนเดียวของนาง
ตามไปเปน็ เพอ่ื นดว้ ย
       นางกะเดบิ ซลาควา้ ขนั นำ้�  และผา้ เดนิ ออกจากหมบู่ า้ นหาแหลง่ นำ้� ชำ� ระลา้ งรา่ งกาย ผา่ นหนองนำ้�
ใหญ่ นอ้ งชายของนางใหน้ างลงอาบลา้ งทห่ี นองนน้ั แตน่ างวา่ นำ้� นอ้ ยไปลา้ งเมอื กออกไมห่ มดหรอก จงึ พา
กนั เดินตอ่ ไป ผา่ นอีกห้วย บงึ แม่น้�ำ ก็ยังไม่เปน็ ทพ่ี อใจของนาง บุกป่าฝา่ ทงุ่ หลายวนั หลายคืน จนมาถงึ
มหาสมุทรใหญ่ นางบอกให้น้องชายหยุดรอที่ชายฝั่ง ส่วนนางจะลงไปอาบน�้ำล้างคราบเมือกงูออก นาง
ควา้ ขนั เดนิ ลงไปในนำ้� เรอ่ื ยๆ จนลกึ ถงึ คอ เมอ่ื นางเดนิ ลกึ ถงึ ปลายคาง นางเอาขนั ครอบหวั แลว้ มดุ นำ�้ หาย
ไป ไม่ยอมโผล่มาอีกเลย น้องชายของนางรออยู่เป็นนาน ก็ไม่เห็นพี่สาวโผล่มาสักที จึงเดินร้องไห้กลับ
บา้ น พรอ้ มกบั บอกเรอ่ื งราวใหแ้ มข่ องนางกะเดบิ ซลาทราบ นางเสยี ใจและรสู้ กึ ผดิ แตก่ ท็ ำ� อะไรไมไ่ ดเ้ พราะ
สายเกินไปเสียแลว้ นางกะเดบิ ซลา ทีห่ ายไปในมหาสมุทร ไดก้ ลายเปน็ นางเงอื ก อาศัยอยู่ในมหาสมุทร
ไม่ยอมพบผู้คนดว้ ยความอายตราบเทา่ ทกุ วนั นี้
       ตัวอย่างเพลงกันตรึม หรือ กันโจ๊ะกันตรึม เป็นดนตรีของกลุ่มวัฒนธรรมเขมรในเขตจังหวัด
สุรินทร์ ศรสี ะเกษ และบางสว่ นของจังหวัดบุรรี ัมย์ มีท�ำนองเพลง เนื้อเพลง และเครอื่ งดนตรีเฉพาะของ
กลุ่มวัฒนธรรมเขมร ภาษาที่ใช้ร้องเพลงกันตรึมคือภาษาถ่ินเขมร ซึ่งคนไทยในบริเวณนั้นใช้เป็นภาษา
สอื่ สารในชวี ติ ประจำ� วนั ทำ� นองเพลงกนั ตรมึ มหี ลากหลาย จากทำ� นองเชอ่ื งชา้ ออ้ ยองิ่ จนไปถงึ ทำ� นองเรว็
คกึ คะนอง สนกุ สนาน ปัจจุบันใช้ท้งั ภาษาไทย เพลงลกู ทุง่ ภาษาถิ่นอสี าน (ลาว) ประยกุ ตเ์ ป็นเนอ้ื ร้อง
โดยใช้ท�ำนองเพลงกันตรึม เนื้อหาบทเพลงที่ใช้ร้องไม่นิยมร้องเป็นเร่ืองเป็นราวมักใช้บทร้องท�ำนอง
เบด็ เตล็ด บทเกีย้ วพาราสี บทพรรณนาบทรำ� พงึ รำ� พนั (สงบ บญุ คลอ้ ย, 2542)
       บทรอ้ งกนั ตรมึ แตเ่ ดมิ มหี ลายบท มกั เปน็ บทชา้ เนบิ นาบ เหมาะกบั การเลน่ ในสมยั กอ่ น เปน็ บทท่ี
เลน่ เพ่อื ความไพเราะ บทร้องในปจั จุบันมมี ากมายหลายบท บางครั้งน�ำบทเพลงไทยมาประยกุ ต์ใช้ในการ
รอ้ ง ความไพเราะของการเลน่ กนั ตรมึ อยทู่ เี่ สยี งผรู้ อ้ งและความไพเราะของเสยี งดนตรี สว่ นทา่ รำ� เปน็ เพยี ง
บทประกอบการแสดง กันตรึมที่ดีจริงๆ จึงต้องประกอบด้วยฝ่ายชายและหญิงที่มีเสียงดีมีลีลาการร้องดี
ประกอบกับซอตรัวเอก (ซอกันตรึมขนาดกลาง) ที่มีเสียงไพเราะ กลองมีเสียงทุ้มหนัก และเสียงปี่อ้อท่ี
ชดั เจน ตัวอยา่ งคำ� ประพันธ์ (สงบ บญุ คลอ้ ย, 2542)
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46