Page 56 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 56

8-46 ภาษาถน่ิ และวรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ไทย

  ไม่ขานตอบ แอบซอ่ นอยูใ่ นกะทอพลางคิดว่า “คราวน้ลี ่ะบกั ทดิ เอย้ มงึ ได้หาบกเู มอื บ้านคกั ๆ” แลว้
  ก็กระหยิ่มย้ิมย่องอยู่ในใจ เม่ือลูกเขยเดินมาเห็นกะทอก็สงสัยว่าพ่อตาไปไหน แต่พอดูดีๆ ก็เห็น
  เส้นผมขาวๆ ของพ่อตาโผล่ออกมา แล้วก็คิดหัวเราะอยู่ในใจแล้วก็แกล้งร้องขึ้นว่า  “พ่อ..พ่อ.. พ่อ
  ไปไสน้อ.... คันจ่ังซั่น ลูกหาบกะทอเมือก่อนเด้อ” ฝ่ายพ่อตาดีใจพลางคิดว่า “เสร็จกู เสร็จกู เข้า
  แผนพอดีม้ับ” ลูกเขยเลยมัดปากกะทออย่างดีแล้วหาบกะทอกลับบ้าน โดยท�ำให้กะทอโอนเอนไป
  มาเพ่ือให้พ่อตาเวียนหัว พ่อตาก็ทรมานมากแต่ก็อดทนเอา  เพราะอย่างน้อยก็ได้ขี่กะทอกลับบ้าน
  เม่ือลูกเขยหาบมาถึงหนองน้�ำข้างทาง เลยพูดขึ้นคนเดียวว่า “โฮ้.. ส�ำมาฮ้อนแท้น้อ... ฮ่วยพ้อหนอง
  น�้ำพอดี.. ลงไปส่วยคีง จักหน่อยก่อนนา” แล้วก็ปลงหาบไว้ข้างทางแล้วเดินลงไปล้างหน้าล้างตา
  ในหนองน�้ำ แล้วพูดขึ้นว่า “โฮ้ เย็นดีคัก มีแฮงดีเว่ย” แล้วลูกเขยก็ร้องขึ้นอย่างเสียงดังว่า “อ้าว อ้าว
  ซ้างผู้ได๋ ส�ำมาย่างมาทางนี้ ข่ีซ้างดีดีแน่เด้อ ระวังอย่าให้มันย่างไปเหยียบกะทอข้อยเด้อ..	
  อ้าว อ้าว เหยียบกะทอข้อย ซ้างสิเหยียบกะทอข้อย โอ้.. โอ้.. เหยียบ.. เหยียบ..” ฝ่ายพ่อตานั่งหลัง
  ขดหลังงออยู่ในกะทอได้ยินว่าช้างจะเหยียบกะทอ ก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะกลัวช้างจะเหยียบ
  จึงลุกออกจากกะทอเพือ่ จะว่งิ หนีชา้ ง แต่ก็เปิดปากกะทอไมไ่ ด้ ก็จึงดน้ิ อยา่ งสดุ ก�ำลงั กะทอเลยกลิ้ง
  ตกลงไปในหนองน�้ำ ลูกเขยจึงไปเอากะทอขึ้นจากน�้ำ แก้เชือกท่ีมัดปากกะทอออกแล้วให้พ่อตา
  ออกมา พ่อตาเนื้อตัวเปียกมอมแมม แล้วจึงถามลูกเขยว่า “ซ้างมันไปทางใด๋ล่ะบักทิด” ลูกเขยจึง
  ถามกลับว่า “ซ้างหยังพ่อ” พ่อตาตอบว่า “อ้าว กะซ้างโตท่ีบักทิดไล่มันหว่างห้ันน่ันเด้” ลูกเขยจึง
  ตอบว่า “บ่มีซ้าง ย่างมาดอกพ่อ ลูกเว้าอยู่ผู้เดียว ฝึกเว้า ฝึกเป็นหมอล�ำซือๆ ดอก” พ่อตาโกรธมาก
  ที่พลาดท่าถูกลูกเขยหลอกเหมือนเดิม

            4.5.3 	นิทานพน้ื บ้านอีสานเรอ่ื ง เซียงเมี่ยงมาก่อนไก่
              มีอยู่วันหนึ่ง พระราชาได้สั่งให้เสนาไปบอกกับเซียงเมี่ยงให้มาหาในวันพรุ่งนี้ตอน

  เช้าเเต่มีข้อเเม้ว่าเซียงเม่ียงจะต้องมาก่อนไก่ (มาก่อนไก่ขันตอนเช้า) หากท�ำตามไม่ได้จะถูกลงโทษ
  หลังจากเสนาได้รับค�ำส่ังก็รีบน�ำค�ำส่ังน้ีไปเเจ้งให้เซียงเมี่ยงได้รับรู้ในทันที ฝ่ายเซียงเม่ียงหลังจาก
  ได้รับค�ำสั่งจากเสนาก็ไม่รู้สึกวิตกกังวลอะไร พอตะวันตกดินเซียงเมี่ยงก็เข้านอนตามปกติจนเวลา
  ล่วงเลยใกล้จะสว่าง ไก่ก็ขันเเซวๆ ข้ึนเซียง เม่ียงจึงลงจากเรือนเข้าไปในคอกไก่เเล้วจับเอาไก่ตัวผู้
  ตัวหนึ่งเอามาผูกเชือกไว้เเล้วเซียงเม่ียงจึงกลับขึ้นเรือนไปนอนต่อ พอตะวันข้ึนเป็นวันใหม่เซียง
  เมี่ยงก็ลุกจากที่นอนล้างหน้าล้างตาหาข้าวกินตามปกติไม่ได้รีบร้อนอะไรโดยไม่สนใจว่าพระราชา
  จะส่ังให้เข้าเฝ้าด่วนขนาดไหน จนตกตอนบ่าย ตะวันคล้อยค�่ำเเล้ว เซียงเม่ียงจึงออกจากเรือนเเล้
  วก็จูงไก่ตัวท่ีมัดเชือกไว้เดินไปตามทางฟังเสียงไก่ร้องจ๊อกๆ ตามหลัง เซียงเมี่ยงตะโกนดุใส่ไก่ว่า 
  “มึงจะฮ้องเฮ็ดหยัง บ่ฮู้ต้ีว่าพระราชาให้ไปหาด่วน เพิ่นบอกว่าให้กูย่างก่อนเเล้วมึงย่างตามหลัง มึง
  สิฮ้องไปเฮ็ดหยัง ถ้ามึงบ่ฟังความกู กลับมากูสิฆ่ามึงเฮ็ดต้ม” ว่าแล้วเซียงเม่ียงก็เดินลากไก่ไปตาม
  ทาง ใครๆ ก็พากันว่าเซียงเม่ียงท�ำไมท�ำบาปเเท้เที่ยวลากไก่เดินไปตามทางเซียงเม่ียงจึงตอบไปว่า 
  “พวกเจา้ สมิ าเวา้ ตขิ อ้ ยไปเฮด็ หยงั กพ็ ระราชาเพนิ่ สงั่ ใหข้ อ้ ยไปเขา้ เฝา้ กอ่ นไก่ ขอ้ ยจงึ จงู ไกม่ านำ� หลงั
  น่ีเด” เม่ือเซียงเมี่ยงไปถึงวังก็เข้าไปกราบไหว้พระราชาพร้อมท้ังถามพระองค์ว่า “พระองค์มีความ
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61