Page 62 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 62

8-52 ภาษาถน่ิ และวรรณกรรมทอ้ งถิ่นไทย
       2.3 	คุณค่าของเรื่อง เร่ือง ผาแดงนางไอ่ มีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ภูมินามสถานท่ี ชื่อบ้าน

นามเมอื งท่มี ีการกลา่ วถงึ ซง่ึ ปัจจุบันหลายเมืองมีซากโบราณสถานอยู่และชาวบา้ นเชอ่ื ว่าเป็นเมอื งทม่ี ีอยู่
จริงในเรื่องผาแดงนางไอ่ เช่น เมืองเชียงเหียน จังหวัดมหาสารคาม เมืองฟ้าแดด จังหวัดกาฬสินธุ์
เมอื งสีแกว้ เมืองหงส์ จังหวดั รอ้ ยเอ็ด หนองหาน จงั หวัดสกลนคร เป็นต้น และเป็นต้นเค้าของประเพณี
บุญบั้งไฟอีกเรือ่ งหนึ่งนอกเหนอื จากเรือ่ งพญาคนั คาก

       2.4 	เร่ืองย่อ
            ณ เมืองสุวรรณโคมค�ำหรือเอกธีตา มีพระยาขอมเป็นผู้ปกครอง มีนางจันทาเป็นมเหสี

มธี ดิ าทม่ี รี ปู โฉมสวยงามยงิ่ คนหนงึ่ ชอื่ ไอค่ ำ�  นางไอค่ ำ� อายไุ ด้ 15 ปี มคี วามงามเปน็ ทเี่ ลอื่ งลอื ไปทว่ั ทกุ ทศิ
จนกระทง่ั ไปเขา้ หขู องทา้ วผาเเดงเเหง่ เมอื งผาโพง ทา้ วผาเเดงจงึ ขมี่ า้ เเอบมาหานางไอค่ ำ�  ไดเ้ กดิ ความรกั ใคร่
กันเเละสญั ญากันวา่ จะทำ� พิธีสู่ขอ เเละเเตง่ งานกันตามประเพณีในไมช่ ้าน้ี

            ครน้ั ถงึ กลางเดอื นหกพระยาขอมจะทำ� บญุ บงั้ ไฟ จงึ มใี บบอกบญุ ไปยงั หวั เมอื งตา่ งๆ ทเี่ ปน็
บรวิ ารใหท้ ำ� บงั้ ไฟไปรว่ มจดุ ในงาน ทา้ วผาเเดงไมไ่ ดร้ บั ใบบอกบญุ เเตไ่ ดท้ ราบขา่ วจงึ จดั บงั้ ไฟหมนื่ ไปรว่ มบญุ
ด้วย เเละได้พบนางไอ่ค�ำเป็นคร้ังท่ี 2 ในการจดุ บ้ังไฟพระยาขอมได้มกี ารพนนั กันโดยมกี ารว่า ถา้ บง้ั ไฟ
ของใครชนะจะไดท้ รพั ยส์ มบตั เิ เละนางสนมกำ� นลั สำ� หรบั ทา้ วผาเเดงนน้ั จะยกนางไอค่ ำ� ให้ ในเวลาจดุ ปรากฏ
ว่าบั้งไฟของเมืองอ่ืนๆ ข้ึนหมด ส่วนของพระยาขอมไม่ขึ้น ส่วนบ้ังไฟของท้าวผาเเดงเเตกกลางบั้ง เเต่
พระยาขอมกเ็ ฉยเสยี ไม่ทำ� ตามสญั ญา เจ้าเมืองต่างๆ จึงพากันกลับหมด สว่ นทา้ วผาเเดงกก็ ลบั เมืองของ
ตนพร้อมกบั ความทุกขเ์ พราะความรักเเละบั้งไฟไมข่ น้ึ

            ยังเมืองอีกเเห่งหน่ึงเป็นเมืองพญานาคช่ือศรีสัตตนาคนหุตอยู่ในเมืองบาดาล มีสุทโธนาค
ครองเมือง มีโอรสชื่อภังคี ท้าวภังคีลูกชายสุทโธนาคได้เเปลงกายมาร่วมงานบุญบั้งไฟน้ี เเละหลงรัก
นางไอค่ ำ� ดว้ ยเชน่ กนั เเตไ่ มม่ โี อกาสเขา้ ใกลน้ างได้ ครน้ั ถงึ เมอื งศรสี ตั ตนาคนหตุ เเลว้ กไ็ มเ่ ปน็ อนั กนิ อนั นอน
จงึ ลาพอ่ เพอ่ื จะมาหานางไอค่ ำ� อกี ทา้ วสทุ โธนาคไดห้ า้ มไวเ้ เตก่ ไ็ มส่ ามารถจะหา้ มได้ เมอ่ื มาถงึ เมอื งเอกธตี า
เเล้วทา้ วภังคีได้เเปลงกายเป็นกระรอกด่อน (กระรอกเผือก) กระรอกดอ่ นภงั คีเเขวนกระดิ่งทองคำ� ไว้ท่ีคอ
ด้วย เมื่อนางไอ่ค�ำเห็นกระรอกด่อนก็อยากได้จึงให้ตามนายพรานมาจับกระรอกด่อน นายพรานได้ยิง
กระรอกด่อนตาย และก่อนตายกระรอกด่อนได้อธิษฐานว่า “ขอให้เนื้อของข้าจงเอร็ดอร่อย เเละมีพอกิน
เเกค่ นทง้ั เมือง” ชาวเมืองกพ็ ากนั เเบง่ เน้อื กระรอกดอ่ นกิน ยกเวน้ พวกเเม่หมา้ ย ฝา่ ยบรวิ ารของท้าวภงั คี
เหน็ ตายกร็ บี กลบั ไปบอกทา้ วสทุ โธนาค ทา้ วสทุ โธนาคโกรธมากจงึ เกณฑไ์ พรพ่ ลนบั หมน่ื ขนึ้ ไปเมอื งมนษุ ย์
เพ่ือถล่มเมอื งพระยาขอม ใครท่ไี ด้กนิ เนอ้ื ท้าวภงั คีตอ้ งฆา่ ใหต้ ายหมด กองทพั พญานาคจงึ มงุ่ หนา้ สูเ่ มือง
พระยาขอมทันที

            กองทัพนาคก็เดินทางมาถึงเมืองเอกธีตาได้ท�ำให้ผืนเเผ่นดินถล่มกลายเป็นหนองน�้ำทั่วไป
ท้าวผาเเดงจึงพานางไอ่ค�ำขึ้นขี่ม้าหนีโดยมีพญานาคไล่ติดตามไปตลอดทาง เมื่อม้าของท้าวผาเเดงเร่ิม
หมดเเรง จึงท�ำให้พญานาคไล่ตามไปทัน ใช้หางเก่ียวนางไอ่ค�ำตกลงมาจากหลังม้าเเล้วน�ำนางไปที่เมือง
บาดาลของเหลา่ นาค สว่ นทา้ วผาเเดงกค็ วบมา้ หนตี อ่ ไปถงึ ยงั เมอื งผาโพง สภาพบา้ นเมอื งของนางไอถ่ ลม่
ทลายพนิ าศกลายเปน็ หนองนำ้� ใหญ่ (ปจั จบุ นั คอื หนองหาน จงั หวดั สกลนคร) ยกเวน้ บา้ นเรอื นของแมห่ มา้ ย
ที่ไม่ถลม่ (จงึ กลายเป็นเกาะดอนในหนองหาน)
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67